Last Updated on 20 เมษายน 2024 by นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์
เนื้อหาในบทความ
- ความสำคัญของโรคติดต่อทางเพศ
- มีคนเป็นโรคติดต่อทางเพศเยอะมั้ย ?
- เข้าใจในสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่
- เปิดใจและเตรียมรับมือกับสิ่งที่ผู้อื่นกำลังจะตัดสินเรา
- วิธีบอกคู่รักใหม่ของคุณว่าคุณเป็น STI
- ถึงเวลาที่ต้องบอกคู่ว่าเราเป็น STI
- จะจัดการกับ STI ในความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงยังไง
- หลังจากเปิดเผยว่าเป็น STI/STD แล้วคุณไม่ควรโทษตัวเองอีกต่อไป
- เป็น STD หรือ STI สามารถรักษาได้ แต่ไม่ควรทำพฤติกรรมเสี่ยงเหมือนเดิม
- กรณีที่คุณมีเขาเป็นคู่นอนคนเดียว (เขาเอาเชื้อโรคมาติดให้คุณ)
- กรณีที่คุณไปรับเชื้อมาจากคนอื่น (คุณอาจจะเอาเชื้อโรคไปติดให้เขา)
- กรณีที่ไม่แน่ใจ ว่าใครเอามาติดให้ใครกันแน่
- About the Author: นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์
Last Updated on 20 เมษายน 2024 by นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์
สำหรับการพูดคุยกับคนรัก หรือคู่ชีวิตเรื่องที่ค่อนข้างจริงจัง สภาวะอารมณ์ของคู่สนทนาสามารถแปรปรวนได้เสมอ และไม่ใช่ทุกครั้งที่จะสามารถยอมรับสิ่งที่ผู้อื่นพูดได้ จึงเป็นเรื่องปกติที่ผู้พูดอาจจะรู้สึกอึดอัด และไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องที่จริงจัง แต่ถ้าคุณติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STI : Sexually Transmitted Infection) หรือที่เรียกว่า โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD : Sexually Transmitted Disease) มันจำเป็นที่จะต้องแจ้งให้อีกฝ่ายทราบ และหาทางอธิบายสื่งที่เราเป็นอยู่เพื่อการรักษา และป้องกันการแพร่เชื้อต่อ
แพทย์เฉพาะทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ได้ให้เคล็ดลับ การบอกคนอื่นว่าเราเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนี้
ความสำคัญของโรคติดต่อทางเพศ
สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องรู้ไว้ คือ STI หรือ STD นั้นบางครั้งมักไม่แสดงอาการหรือไม่พบความผิดปกติใดๆ แต่เมื่อคุณเป็นแล้วมันหากไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ ความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ ภาวะมีบุตรยาก หรือ ภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ได้
STI โดยทั่วไปแล้วสามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น หนองในเทียม เริมที่อวัยวะเพศ หูด หนองใน และซิฟิลิส ในส่วนบางโรคไม่สามารถรักษาให้หายขาดแต่สามารถจัดการให้ไม่เป็นอันตรายได้ ได้แก่ เริม HIV/เอดส์ ไวรัสตับอักเสบบีและ HPV
อาการที่พบได้เมื่อคุณเป็น STI
-
- เป็นผื่น
-
- เจ็บเวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะบ่อย
-
- อาการบวมแดงหรือคันรุนแรงบริเวณอวัยวะเพศ
-
- สารคัดหลั่ง หรือตกขาวจากช่องคลอดมีกลิ่นไม่ดี มีสีที่ผิดปกติ
-
- เลือดออกบริเวณช่องคลอด
-
- เจ็บปวดตอนมีเพศสัมพันธ์
การตรวจเพื่อทราบผลตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อจะได้รีบรักษาโรคอย่างรวดเร็ว
มีคนเป็นโรคติดต่อทางเพศเยอะมั้ย ?
ข้อมูลล่าสุดจากศูนย์ควบคุมโรค ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 2018 เผยว่า คน 1 ใน 5 คนเคยเป็น STI ครั้งใดครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งมีคนติดเชื้อเป็นผู้ป่วยใหม่ปีละ 26 ล้านราย และเกือบครึ่งเป็นในช่วงอายุ 15 ถึง 24 ปี โดยมีค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเหล่านี้ต่อปีสูงถึง 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับประเทศไทย อ้างอิงจาก เว็บสารสนเทศสุขภาพไทย https://www.hiso.or.th/ พบว่าสถานการณ์การป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ไม่รวมโรคเอดส์) ในรอบ 10 ปี
ระหว่างปี พ.ศ. 2553 ถึงปี พ.ศ. 2562 เพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจนในทุกกลุ่มอายุ โดยบางโรคเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 เท่าในช่วงเวลา 10 ปี
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า STI เป็นเรื่องที่พบได้ปกติทั่วไป การยอมรับนั้นถือเป็นจุดที่ดีในการเปิดเผยสิ่งที่เราเป็น
เข้าใจในสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่
ก่อนที่จะกังวลเรื่องการเปิดเผยกับคู่นอน ว่าคุณเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ เราแนะนำให้คุณเรียนรู้กับโรคที่คุณเป็นอยู่ก่อน เพื่อจะได้ทำให้การอธิบายกับคู่ หรือครอบครัวเข้าใจได้ง่ายขึ้น
“ขั้นแรกคือการมีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับโรคนี้ เมื่อคุณเข้าใจดี ความรู้สึกละอายและความรู้สึกผิดจะบรรเทาลง และเมื่อคุณรู้วิธีการควบคุมและมีการจัดการต่อโรค คุณจะสามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้แก่ครอบครัวและคู่ของคุณได้ด้วยความเข้าใจที่คุณมี ครอบครัวและคนรักของคุณเขารักคุณเสมอ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจและไม่รู้ว่ามันคืออะไรแค่นั้นเอง”
โดยสามารถอ่านบทความเกี่ยวกับโรคต่างๆได้ที่นี่ (https://healthsmile.co.th/tag/โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ)
เปิดใจและเตรียมรับมือกับสิ่งที่ผู้อื่นกำลังจะตัดสินเรา
ให้เริ่มบทสนทนาด้วยการเปิดใจ ซื่อตรงและอยู่กับความเป็นจริง อารมณ์ที่กำลังจะเกิดกับผู้ฟังนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่ตกใจ โกรธ รังเกียจ เข้าใจ ยอมรับ ฯลฯ แต่ขอให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
“จงเปิดใจเมื่อคุณจะสนทนา – และเตรียมพร้อมการตัดสินจากพวกเขา ให้คิดไว้ว่าเขาอาจสับสนได้หรืออาจจะเดินหนีคุณไป ซึ่งเขาอาจจะทำแบบนี้หลายครั้ง ในการเริ่มบทสนทนา แต่คุณสามารถบอกพวกเขาได้ว่า ‘ฉันไม่ได้คาดหวังให้คุณโอเคกับการบอกวันนี้ ไม่เป็นไรนะ มันยากที่จะเข้าใจ แต่ฉันก็เคารพคุณมากพอที่จะบอกเรื่องนี้’”
วิธีบอกคู่รักใหม่ของคุณว่าคุณเป็น STI
สำหรับคู่รักใหม่ ที่เพิ่งมีความสัมพันธ์กันไม่นาน ขอให้คุณตรงไปตรงมากับสิ่งที่คุณเป็นแม้ความสัมพันธ์นั้นจะเป็นแบบคู่รักใหม่หรือยังอยู่ในสถานะไม่ชัดเจน ลองคิดดูหากคู่ของคุณเป็น STI คุณก็ต้องการให้เขาบอกคุณเช่นกันเพื่อที่คุณจะสามารถป้องกันสุขภาพของคุณใช่ไหม นั้นก็คงเหมือนกันคุณจะต้องบอกเขา – โดยเฉพาะถ้าความสัมพันธ์อยู่ในขั้นจริงจังแล้ว
“ปกติแล้วคุณจะได้รับเชื้อหนองในและหนองในเทียมภายใน 3 เดือนหลังจากการมีปฏิสัมพันธ์ทางเพศ ดังนั้นถ้าคุณเป็น STD และ STI บอกคู่ของคุณที่มีปฏิสัมพันธ์ทางเพศใน 3 เดือนที่ผ่านมาด้วย ไม่ว่าคู่หรือคุณเป็นแพร่เชื้อคุณต้องคำนึงถึงผลที่ตามมาระยะยาว”
ถึงเวลาที่ต้องบอกคู่ว่าเราเป็น STI
-
- เจอกันในที่ที่สบายและปลอดภัย
-
- เปิดใจและพร้อมตอบคำถามที่อาจจะตามมา
-
- ตั้งสติและไม่ถกเถียง : คนอื่นๆอาจจะตื่นตระหนกและอารมณ์เสีย เมื่อได้รับข่าวร้าย แต่อย่างไรก็ดีหากทั้งคุณและเขาอารมณ์เสีย คุณจะไม่สามารถได้ข้อสรุปอะไรเลย
-
- หากคู่ของคุณต้องการเวลาหรือระยะห่างเพื่อประมวลสิ่งที่เกิดขึ้น จงเคารพและให้สิ่งที่เขาต้องการ
-
- หากคู่ของคุณสงบและเข้าใจให้ใช้เวลาเพื่อถามเกี่ยวกับประวัติทางเพศที่ผ่านมา คุณอาจพบว่าพวกเขาเคยเป็น STI เมื่อคุณพบแล้วคุณอาจจะร่วมกันเพื่อดูแลสุขภาพ
“ผู้คนส่วนมากจะกังวลมากเมื่อต้องบอกคู่ของตนว่าพวกเขาเป็น STI และไม่ค่อยอยากบอกคู่ของพวกเขา เนื่องจากคนทั่วไปมักจะไม่ค่อยถามหาประวัติทางเพศกัน แต่อย่างไรก็ตาม การพูดคุยกันเมื่อมีการติดเชื้อแล้ว ถือว่าเป็นความจำเป็น เพื่อประโยชน์ของคู่ของเราให้ได้รับการรักษาที่เร็ว และป้องกันการติดเชื้อให้คนอื่น”
จะจัดการกับ STI ในความสัมพันธ์ที่ไม่มั่นคงยังไง
บางคู่อาจโกรธ หรือเสียความรู้สึกอย่างรุนแรง ซึ่งอาจมาจากความอับอาย หรือมาจากความกลัว ถ้าคุณคิดว่าคู่ของคุณอาจจะรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง ข่มขู่ และมีความเสี่ยงที่จะทำรุนแรง ให้คุณทำให้ตัวเองปลอดภัยก่อน แนะนำให้พูดคุยกับคู่ในที่สาธารณะที่มีผู้คนรายล้อม คุณยังมีบุคคลที่ 3 ที่คุณไว้ใจได้อยู่ด้วยขณะที่บอกเรื่องการติดเชื้อนี้กับคู่ของคุณ
“ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ที่มั่นคงกับบุคคลนั้น คุณไม่ควรบอกเรื่องนี้ในห้องนอน เพราะนั่นเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดและอาจนำไปสู่อันตรายต่อคุณได้”
หากเกิดเหตูการณ์รุนแรงให้ติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือไปที่เบอร์ 191 หรือสถานีตำรวจใกล้บ้าน
หลังจากเปิดเผยว่าเป็น STI/STD แล้วคุณไม่ควรโทษตัวเองอีกต่อไป
หากคุณพูดกับคู่และครอบครัวของคุณแล้ว สิ่งต่างๆอาจไม่ได้ไปในทางที่ดี ควรทำยังไงต่อ?
เราขอเน้นย้ำว่าการโทษตัวเองนั้นไม่ใช่คำตอบ ให้ระลึกไว้ว่าโรคที่คุณเป็นนั้นอาจจะได้รับเชื้อมานานเท่าไหร่ หรือจากใครก็ได้ หรือบางครั้งหากไม่ได้รับการตรวจด้วยเทคนิคที่ดีพอ คุณก็อาจจะไม่ได้เป็นโรคนั้นจริงๆก็ได้ (แพทย์บางท่านอาจจะบอกว่าคุณเป็น STD แค่จากประวัติโดยไม่ได้ตรวจยืนยันใดๆ)
“ อาการ STD ที่คุณเป็นวันนี้ อาจเป็นสิ่งที่คุณมีมานานแล้วแต่พึ่งแสดงออกมา หลายครั้งอาจะมีคำถามเกิดขึ้นมาว่า ‘มันเกิดขึ้นได้อย่างไร’ ความเป็นจริงนั้นมันอาจเกิดตอนที่คุณสัมผัสกับเริมตอนอายุน้อยๆ แล้วเชื้อมันก็อยู่แบบนั้นมาเป็น สิบๆปี ก็เป็นไปได้”
“ คนมักคิดว่า ‘ฉันได้มาจากไหน’ ‘ฉันทำอะไรผิด’ เป็นความจริงที่ว่า STD สามารถติดเชื้อได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และอาจจะไม่มีอาการเลยก็ได้ และคุณไม่ควรจะไม่โทษตัวเองอีกต่อไป”
เป็น STD หรือ STI สามารถรักษาได้ แต่ไม่ควรทำพฤติกรรมเสี่ยงเหมือนเดิม
ถ้าคู่ของคุณเป็น STI แทบทั้งหมดสามารถรักษาได้ และสามารถเป็นซ้ำได้หากไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ แน่นอนว่าวิธีที่ป้องกันได้ดีที่สุดคือการใช้ถุงยางอนามัย แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ก็ควรใช้ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
แม้แต่ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV หลายรายที่ใช้ยาอย่างถูกวิธี ก็แทบจะไม่ตรวจเจอไวรัสเลย ดังนั้นหากคู่ของคุณสวมถุงยางและตรวจไม่พบเชื้อไวรัส ความเสี่ยงในการติดโรคก็จะต่ำลงด้วย ตราบใดที่ทั้งคู่ไม่มีอาการอักเสบของโรคหนองใน หรือหนองในเทียม แต่นั้นเป็นผลมาจากการเปิดใจ และซื่อสัตย์ที่จะบอกและตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เป็น และคุณควรที่จะศึกษาเกี่ยวกับ HIV และยารักษาเพราะเมื่อ คู่รักของคุณเอ่ยชื่อชื่อยารักษาคุณจะได้ทราบว่านั้นคือยารักษาจริงหรือไม่
กรณีที่คุณมีเขาเป็นคู่นอนคนเดียว (เขาเอาเชื้อโรคมาติดให้คุณ)
-
- คุณควรรักษาตัวคุณเอง
-
- ควรแจ้งให้คู่ของคุณเข้ารับการรักษาพร้อมกัน
-
- คุณหรือคู่ของคุณ ควรแจ้งให้คนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยทุกคน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเข้ารับการรักษาด้วยทุกคน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อต่อ
-
- พิจารณาเรื่องความสัมพันธ์ ว่ารับได้กับพฤติกรรมเช่นนี้หรือไม่ และจะคงความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้เป็นแบบใด
-
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
กรณีที่คุณไปรับเชื้อมาจากคนอื่น (คุณอาจจะเอาเชื้อโรคไปติดให้เขา)
-
- คุณควรรักษาตัวคุณเอง
-
- ควรแจ้งให้คู่ของคุณเข้ารับการตรวจ และหากพบการติดเชื้อก็แนะนำให้รับการรักษาพร้อมกัน (บางกรณี อาจให้การรักษาเลยโดยไม่ต้องตรวจซ้ำก็ได้)
-
- ควรแจ้งให้คนที่คุณเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยทุกคน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเข้ารับการรักษาด้วยทุกคน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อต่อ
-
- ควรเลิกพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
กรณีที่ไม่แน่ใจ ว่าใครเอามาติดให้ใครกันแน่
-
- ควรรักษาทั้งสองคนพร้อมกัน และแนะนำให้แจ้งคนที่คุณเคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยทุกคน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเข้ารับการรักษาด้วยทุกคน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อต่อ
-
- ทั้งสองคนควรเลิกพฤติกรรมมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
✅✅✅✅✅
หากมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด ตกขาว มีแผล หรือมีความเสี่ยงที่มีคู่นอนหลายคน หรือ คู่นอนของเรามีคนอื่นด้วย
แนะนำตรวจและรักษาให้ตรงจุด
ด้วยชุดตรวจโรคทางเพศด้วยตนเอง
หากต้องการตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อ หรือรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ด้วยเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำสูง สามารถรักษาให้หายขาดได้ เฮลท์สไมล์ มีให้บริการชุดตรวจด้วยตนเองที่บ้าน ครอบคลุมเชื้อที่ทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศสูงสุดถึง 14 โรค มีความแม่นยำมากกว่า 95%
เรามีแพคเกจตรวจโรคและความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ให้เลือกอยู่ 4 แพคเกจ
* ทุกแพคเกจ มีแพทย์เฉพาะทางที่ปรึกษาด้านสูตินรีเวช เพื่อแนะนำการรักษา
* ทุกแพคเกจ รวมค่ายารักษาตามโรคที่พบส่งฟรีถึงบ้านโดยเภสัชกร
-
- แพคเกจปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษา : 900 บาท
เหมาะกับคนที่ยังไม่เคยรักษา ต้องการรักษาด้วยตนเอง แพทย์แนะนำยา แนะนำการรักษา การดูแลตนเองหลังรักษาป้องกันการเป็นซ้ำ - แพคเกจตกขาวผิดปกติ 7 โรค : 2,490 บาท
สำหรับคนที่มีอาการปัสสาวะผิดปกติ หรือตกขาวผิดปกติ
ตรวจได้ 7 เชื้อ ได้แก่
– หนองในแท้
– หนองในเทียม (5 ชนิด)
– พยาธิในช่องคลอด - แพคเกจแผลที่อวัยวะเพศ 11 โรค : 2,990 บาท
สำหรับคนที่มีแผล หรือก้อนที่อวัยวะเพศ
ตรวจได้ 11 เชื้อ ได้แก่
แพคเกจที่ 2. + เพิ่ม
– เริม (2 ชนิด)
– ซิฟิลิส
– แบคทีเรียในช่องคลอด - แพคเกจตรวจครบ 15 โรค : 3,290 บาท *** แนะนำ ***
สำหรับมารดาที่มีตกขาวผิดปกติ แนะนำให้ตรวจโรคแบบครบรอบด้าน
ตรวจได้ 14 เชื้อ ได้แก่
แพคเกจที่ 3. +เพิ่ม
– แผลริมอ่อน
– เชื้อรา (2 ชนิด)
– เชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด (2 ชนิด) รวมไปถึงเชื้อ GBS (Group B Streptococcus) ซึ่งส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้รุนแรง
- แพคเกจปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษา : 900 บาท
📞 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายการตรวจได้ที่
– Line ID : @Sex.Disease
หรือคลิกได้ที่ลิงค์นี้
https://link.healthsmile.co.th/add-line/STD-content
🌐 อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมตรวจโรคทางเพศ และการรักษา ได้ที่นี่
https://healthsmile.co.th/mens-sti-clinic/
https://healthsmile.co.th/womens-sti-clinic/
✅✅✅✅✅