Last Updated on 17 กรกฎาคม 2024 by นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์
เนื้อหาในบทความนี้
Last Updated on 17 กรกฎาคม 2024 by นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์
คำถามที่คุณแม่หลายๆท่าน สอบถามมายังศูนย์ตรวจของเรา ก็คือ การตรวจ NIPT สามารถบอกได้ไหมว่าลูกเป็นออทิสติก
เพื่อตอบคำถามนี้ เราได้ไปถาม นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์ สูตินรีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมและโครโมโซมขณะตั้งครรภ์ มาให้ค่ะ
ออทิสติก คืออะไร มีอาการแสดงอย่างไร
เด็กหรือผู้ใหญ่ที่มีภาวะออทิสติก จะมีปัญหาในการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ความสนใจในเรื่องที่เฉพาะเจาะจงแค่บางเรื่องเท่านั้น และมักจะแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ซ้ำๆ บางคนอาจจะไม่สามารถเรียนหรือทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจมีความบกพร่องด้านอื่นๆ ของชีวิต
ออทิสติก หน้าตาเหมือน หรือต่างจากเด็กปกติ
คนที่เป็นออทิสติก อาจจะมีหน้าตาเหมือนคนปกติก็ได้ หรือหากภาวะออทิสติกเกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม (เช่น ดาวน์ซินโดรม) ก็อาจจะมีหน้าตาที่ผิดปกติตามกลุ่มอาการที่คนๆนั้นเป็นก็ได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น หน้าตาของเด็กจึงไม่สามารถบอกได้ว่าเด็กเป็นออทิสติกหรือไม่
สาเหตุของออทิสติก
ณ ปัจจุบัน เรายังไม่รู้ว่าสาเหตุของออทิสติกมาจากสาเหตุใด แต่การวิจัยชี้พบว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นออทิสติกนั้น บางส่วนมาจากอิทธิพลของพันธุกรรม หรืออาจจะเกิดจากการเลี้ยงดู หรือสภาพสิ่งแวดล้อมรวมกันก็ได้
อิทธิพลจากพันธุกรรม หรือสภาพแวดล้อมต่างๆรอบตัวเด็ก บางอย่างจะเพิ่มความเสี่ยงที่เด็กจะพัฒนาเป็นออทิสติก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเด็กบางคน จะมีพันธุกรรมที่เสี่ยง หรืออยู่ในสภาพสิ่งแวดล้อม/การเลี้ยงดูที่มีความเสี่ยงก็อาจจะไม่เป็นออทิสติกได้ ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงของยีนบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับออทิสติกสามารถพบได้ในคนที่ไม่มีความผิดปกตินี้ ในทำนองเดียวกัน เด็กที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเป็นออทิสติก จะอาจจะไม่เกิดความผิดปกติก็ได้
ปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมของออทิสติก
การวิจัยบอกเราว่าออทิสติกมีแนวโน้มที่จะถ่ายทอดภายในครอบครัว การเปลี่ยนแปลงของยีนบางชนิดเพิ่มความเสี่ยงที่เด็กจะเป็นโรคออทิซึม หากผู้ปกครองมีความผิดปกติ หรือมีการกลายพันธุ์ของยีนเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งรายการ พวกเขาอาจส่งต่อไปยังบุตรได้ (แม้ว่าตัวผู้ปกครองจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆก็ตาม) ในบางครั้ง การเปลี่ยนแปลงหรือการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในตัวอ่อนระยะแรก หรือเกิดในตัวอสุจิและ/หรือไข่ที่รวมกันเพื่อสร้างตัวอ่อนก็ได้เช่นกัน
เด็กที่มีการกลายพันธุ์ในยีนที่เรียกว่า MET ร่วมกับการสัมผัสกับมลพิษทางอากาศในระดับสูง อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของยีนเหล่านี้ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ทำให้เกิดออทิสติกเสมอไป เพียงแต่ว่ายีนเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติเท่านั้น
ดังนั้น ถึงแม้ว่าคุณพ่อ / คุณแม่จะมียีนที่ผิดปกติ ที่อาจส่งผลให้ลูกเป็นออทิสติก ก็ไม่ได้หมายความว่า ครอบครัวจะต้องมีเด็กที่ผิดปกติเสมอไป
ปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมของออทิสติก
การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของสิ่งแวดล้อมบางอย่างอาจเพิ่มหรือลดความเสี่ยงต่อการเป็นออทิซึมในผู้ที่มีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่จะเป็นโรคนี้ได้ แต่ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้นก็เป็นปัจจัยเสริมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงให้บุตรเป็นออทิสติก
-
- บิดา หรือมารดามีอายุมาก
-
- ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์และการคลอด (เช่น การคลอดก่อนกำหนดมาก [ก่อน 26 สัปดาห์] น้ำหนักแรกเกิดต่ำ การตั้งครรภ์แฝด แฝดสาม ฯลฯ
-
- การตั้งครรภ์ห่างกันไม่ถึงหนึ่งปี
-
- การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศหรือยาฆ่าแมลงบางชนิดก่อนคลอด
-
- โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของมารดาระหว่างตั้งครรภ์
-
- คลอดก่อนกำหนดมากหรือน้ำหนักแรกเกิดต่ำมาก
-
- มีภาวะคลอดยาก ที่นำไปสู่การขาดออกซิเจนในสมองของทารก
มลภาวะต่างๆ
มีงานวิจัย พบว่า ลูกของมารดาที่อาศัยอยู่ใกล้ทางด่วนและมลภาวะจากการจราจรในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์มีโอกาสเกิดออทิสติกได้เป็นสองเท่า โดยระยะทางที่น้อยกว่าประมาณ 300 เมตร (1014 ฟุต) ถือว่าใกล้ทางด่วน (2)
ภาวะก่อนคลอดและปัจจัยของมารดา
-
- ปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของมารดา การได้รับสารบางอย่างมากเกินไป (เช่นสารเคมีขณะทำงาน เป็นต้น) หรือขาดสารอาหารบางอย่าง หรือการอักเสบระหว่างตั้งครรภ์อาจเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของออทิสติกที่สูงขึ้น
-
- ไข้ระหว่างตั้งครรภ์สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของออทิสติกในเด็ก มารดาของเด็กออทิสติกบางคนมีแอนติบอดี (ภูมิคุ้มกัน) หรือโปรตีนในร่างกายที่ต่อสู้กับการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งแอนติบอดีหรือโปรตีนเหล่านี้ อาจรบกวนการพัฒนาสมองของลูก ซึ่งอาจนำไปสู่ออทิสติกได้
โลหะ ยาฆ่าแมลง และสารปนเปื้อนอื่นๆ
การสัมผัสกับโลหะหนักก่อนคลอดและในเด็กปฐมวัย เช่น ปรอท ตะกั่ว หรือสารหนู ระดับของโลหะสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น สังกะสีหรือแมงกานีส ยาฆ่าแมลง; และสารปนเปื้อนอื่นๆ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดออทิสติกได้
-
- จากการศึกษาประชากรในสาธารณรัฐเซเชลส์ (Republic of Seychelles) ซึ่งมีการบริโภคปลาทะเลสูง และมีโอกาสได้รับสารปรอทจากอาหาร แต่จากการศึกษาพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกันระหว่างการได้รับสารปรอทในอาหารก่อนคลอด กับการเกิดออทิสติก
-
- การศึกษาฝาแฝด โดยการตรวจฟันน้ำนมเพื่อกำหนดและเปรียบเทียบระดับตะกั่ว แมงกานีส และสังกะสีในเด็กออทิสติกกับฝาแฝดที่ไม่มีอาการ พบว่าเด็กที่เป็นออทิสติกมีแมงกานีสและสังกะสีต่ำ ซึ่งเป็นโลหะที่จำเป็นต่อชีวิต แต่มีสารตะกั่วในระดับที่สูงกว่า ซึ่งเป็นโลหะอันตรายในช่วงระยะเวลาการพัฒนาอวัยวะในร่างกาย
-
- การได้รับยาฆ่าแมลงของมารดาในระหว่างตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่จะเป็นออทิสติกในบุตรที่สูงขึ้น
-
- ปัจจุบัน นักวิจัยกำลังศึกษาสารปนเปื้อนเช่น Bisphenol A, phthalates, สารหน่วงไฟ (flame retardants) และ polychlorinated biphenyls เพื่อดูว่ามีผลต่อการพัฒนาสมองในระยะแรกและอาจมีบทบาทในการเกิดออทิสติกหรือไม่
ปัจจัยที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการมีบุตรเป็นออทิสติก
วิตามินก่อนคลอดที่มีกรดโฟลิก ก่อนตั้งครรภ์ และระหว่างตั้งครรภ์ อาจช่วยลดความเสี่ยงออทิสติกได้ นอกจากนี้ การวิจัยยังแนะนำว่าการทานวิตามินและอาหารเสริมอาจให้ผลในการป้องกันผู้ที่สัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมในระหว่างตั้งครรภ์ได้เช่นกัน
-
- มารดาสามารถช่วยลดโอกาสที่จะมีบุตรที่เป็นออทิสติกได้ หากรับประทานวิตามินก่อนคลอดทุกวันในช่วงสามเดือนก่อนตั้งครรภ์นานไปจนเดือนแรกของการตั้งครรภ์ เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้รับวิตามิน ซึ่งประโยชน์ของวิตามินจะชัดเจนมากขึ้นในเด็กที่มีความผิดปกติของพันธุกรรม ซึ่งทำให้พวกเขามีความเสี่ยงต่อการเป็นออทิสติกมากขึ้น
กรดโฟลิกเป็นสารสำคัญของวิตามินก่อนคลอด ผู้หญิงที่รับประทานยาตามปริมาณที่แนะนำในแต่ละวันในช่วงเดือนแรกของการตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะมีลูกออทิสติกลดลง
- มารดาสามารถช่วยลดโอกาสที่จะมีบุตรที่เป็นออทิสติกได้ หากรับประทานวิตามินก่อนคลอดทุกวันในช่วงสามเดือนก่อนตั้งครรภ์นานไปจนเดือนแรกของการตั้งครรภ์ เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้รับวิตามิน ซึ่งประโยชน์ของวิตามินจะชัดเจนมากขึ้นในเด็กที่มีความผิดปกติของพันธุกรรม ซึ่งทำให้พวกเขามีความเสี่ยงต่อการเป็นออทิสติกมากขึ้น
-
- มารดาที่ใช้วิตามินรวมขณะตั้งครรภ์ ทั้งที่มีหรือไม่มีธาตุเหล็กหรือกรดโฟลิกเพิ่มเติม จะลดโอกาสที่จะมีบุตรที่เป็นออทิสติกและความบกพร่องทางสติปัญญา
-
- การบริโภคกรดโฟลิกในระหว่างตั้งครรภ์ในระยะแรกอาจลดความเสี่ยงของการมีบุตรที่เป็นออทิสติกในสตรีที่สัมผัสกับมลพิษทางอากาศสูง และยาฆ่าแมลง ได้
-
- การรับประทานวิตามินก่อนคลอดของมารดา ในช่วงเดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจช่วยลดการกลับเป็นซ้ำของออทิสติกของครอบครัวที่มีประวัติเด็กเป็นโรคออทิสติก ในครอบครัวที่มีความเสี่ยงสูง
ปัจจัยที่ไม่มีส่งผลต่อการเป็นออทิสติก
วัคซีนที่มารดาหรือเด็กได้รับ บางครอบครัว อาจจะพบว่าช่วงเวลาที่แพทย์วินิจฉัยว่าเด็กเป็นออทิสติก อาจจะเป็นช่วงพอเหมาะพอดีกับการที่บุตรได้รับวัคซีนของลูก ดังนั้น จึงอาจจะสงสัยว่าวัคซีนเป็นสาเหตุของออทิสติกหรือไม่ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยอย่างกว้างขวางในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อตรวจสอบว่ามีความเชื่อมโยงระหว่างการฉีดวัคซีนในวัยเด็กกับออทิสติกหรือไม่ ผลการวิจัยชี้ชัดเจนว่า วัคซีนไม่ก่อให้เกิดออทิสติก
ดังนั้น คุณแม่จึงควรพาบุตรไปรับวัคซีนตามที่กุมารแพทย์แนะนำเสมอ
ความแตกต่างในชีววิทยาสมอง
มีทฤษฎีเชื่อว่า มีอิทธิพลของพันธุกรรม และสภาพแวดล้อมในขณะตั้งครรภ์ อาจจะส่งผลกระทบต่อส่วนสำคัญของการพัฒนาสมองในช่วงต้น บางกรณีอาจจะส่งผลต่อการสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทสมอง นักวิจัยยังคงสำรวจความแตกต่างเหล่านี้อย่างต่อเนื่องโดยมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาวิธีการรักษา และการสนับสนุนที่สามารถปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยออทิสติกให้ได้
มีการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด เพื่อหาโรคออทิสติกไหม
เนื่องจาก ณ ปัจจุบันยังไม่ค้นพบสาเหตุที่ชัดเจนของออทิสติก ดังนั้นปัจจุบันจึงยังไม่มีการตรวจคัดกรอง หรือการตรวจวินิจฉัยในขณะตั้งครรภ์ว่าทารกในครรภ์มีภาวะออทิสติกหรือไม่
แต่อย่างไรก็ดี ออทิสติก อาจเกิดขึ้นได้กับทารกที่มีความผิดปกติของโครโมโซมได้มากกว่าเด็กทั่วไป ดังนั้น การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซม ก็อาจช่วยให้พบสาเหตุของออทิสติกในทารกในครรภ์ได้
ออทิสติก กับ ดาวน์ซินโดรม
ออทิสติก เป็นคนละโรคกับดาวน์ซินโดรม กล่าวคือ ออทิสติกนั้น อาจเกิดจากความผิดปกติของยีนบางตัว สภาพแวดล้อม หรือความผิดปกติอื่นๆระหว่างการตั้งครรภ์ก็ได้ แต่ดาวน์ซินโดรมนั้นเกิดจากการเกินของโครโมโซมคู่ที่ 21 มีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 แท่ง
อย่างไรก็ดี ออทิสติก สามารถเกิดร่วมกับกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรมได้ และมีโอกาสเป็นมากกว่าเด็กทารกปกติทั่วไป ดังนั้น การตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมของทารกในครรภ์ ก็จะมีประโยชน์ได้
ที่มา :
นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์ สูตินรีแพทย์
https://www.autismspeaks.org/what-causes-autism
https://www.niehs.nih.gov/health/topics/conditions/autism/index.cfm
✅✅✅✅✅
เฮลท์สไมล์ บริการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมทารกในครรภ์ และตรวจโครโมโซมทารกในครรภ์ ครบ 23 คู่ทุกโครโมโซมที่มีในมนุษย์ รู้เพศ และโรคอื่นๆที่เกิดจากการขาด/เกินของโครโมโซมขนาดเล็กได้มากถึง 92 โรค กับ Brand NIFTY® และ NGD NIPS
✔ ตรวจเลือดดาวน์ซินโดรม และโครโมโซมอื่นๆ ผลแม่นยำสูง 99.9%
✔ เจาะเลือดเพียง 10 ซีซี ไม่เสี่ยงแท้ง
✔ ราคาคุ้มค่า ประหยัด ค่าบริการเริ่มต้นที่ 9,500 บาท รวมค่าบริการเจาะเลือดถึงบ้าน และแพทย์อ่านผลให้ทุกเคส
✔ สะดวก สบาย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ลดความเสี่ยงจากการเดินทางออกนอกสถานที่
✔ บริการตรวจถึงบ้านทั่วประเทศ ฟรี
✅ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line ID : @Healthsmile
📞 โทร : 089 874 9565
🌐 อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม และโครโมโซมของทารกในครรภ์ ได้ที่นี่ https://healthsmile.co.th/prenatal-screening/