โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางชนิด เช่น หนองในเทียม(Chlamydia) หนองในแท้(Gonorrhea) ซิฟิลิส(Syphilis) และพยาธิในช่องคลอด(ทริโคโมเนียซิส Tichomoniasis) สามารถรักษาให้หายขาดได้

แต่อย่างไรก็ตาม ทั่วโลก มีประชากรกลุ่มหนึ่งที่มีอัตราการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สูงที่สุด (ได้แก่ คนหนุ่มสาว กลุ่มประชากรที่ทำงานต่างถิ่น ผู้ให้บริการทางเพศ ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย คนข้ามเพศ) มักไม่สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่เพียงพอ

แม้ในประเทศที่มีบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพ แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ขัดขวางไม่ให้กลุ่มผู้มีความเสี่ยงที่จะติดโรคเข้าถึงการตรวจโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์จากผู้ให้บริการด้านสุขภาพหรือคลินิก หรือโรงพยาบาลต่างๆ เช่น ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ความไม่สะดวก เสียเวลา เสียงาน ความอับอาย และความรู้สึกเหมือนถูกประนามเวลาตรวจพบโรค

บทบาทขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO)

เมื่อพูดถึงสุขภาพทางเพศและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์  องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและให้คำแนะนำที่มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในด้านนี้ โดยองค์กรมีเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับปรุงสุขภาพทางเพศ มีเป้าหมายหลักคือการส่งเสริมการตรวจวินิจฉัยด้วยตนเอง สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคที่มีความสำคัญ

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ STDs คือกลุ่มของโรคที่สามารถถ่ายทอดผ่านการสัมผัสทางเพศ โรคเหล่านี้มักมีอาการที่ไม่ชัดเจนหรือไม่มีอาการเลยในบางครั้ง ทำให้การตรวจวินิจฉัยเป็นสิ่งที่ยากลำบาก นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคเหล่านี้ไปยังผู้อื่น และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายแรงหรือความผิดปกติทางการเจริญพันธุ์ เช่น ภาวะมีบุตรยาก หรือการเป็นหมัน

WHO ย้ำว่า การตรวจวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยตนเองเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่ควรมีอยู่ในทุกคน การทราบถึงสภาพสุขภาพของตนเองช่วยในการตรวจจับโรคในช่วงเริ่มต้น ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคไปยังผู้อื่น และช่วยในการเริ่มการรักษาให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสุขภาพของตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดี WHO ได้ส่งเสริมเทคโนโลยีและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ช่วยในการตรวจวินิจฉัยด้วยตนเอง เช่น ชุดตรวจวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่สามารถใช้งานได้ง่าย ปลอดภัย และมีความเชื่อถือได้ โดยประสิทธิภาพของชุดตรวจเหล่านี้ถูกปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจในผลการตรวจ

สำหรับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันนี้มีชุดอุปกรณ์ที่สามารถให้ผู้คนทั่วไปเก็บตัวอย่างของตนเองเพื่อนำไปตรวจได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรือคลินิก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำว่าควรมีการเก็บตัวอย่างหนองในแท้และหนองในเทียมด้วยตนเองเพื่อเป็นวิธีการเพิ่มเติมในการให้บริการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ WHO แนะนำว่าการเก็บตัวอย่างซิฟิลิสและทริโคโมเนียด้วยตนเองอาจถือเป็นแนวทางเพิ่มเติมในการให้บริการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย

บทความด้านบนแปล และปรับปรุงมาจาก : Self-collection of samples for sexually transmitted infections (‎‎STIs) https://www.who.int/publications/i/item/WHO-SRH-20.10
แปลโดย นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์

อ่านเอกสารฉบับเต็ม (ภาษาอังกฤษ) ได้ที่นี่ : https://apps.who.int/iris/rest/bitstreams/1280120/retrieve