Last Updated on 20 เมษายน 2024 by นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์

ควรตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อไหร่ ญ/ช สตรีตั้งครรภ์ คนข้ามเพศ ฯลฯ

เนื้อหาในบทความ

Last Updated on 20 เมษายน 2024 by นพ.ประสิทธิ์ วิริยะกิจไพบูลย์

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป มีนโยบายให้ประชากรในประเทศตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคได้ฟรี โดยที่ไม่ต้องมีอาการ และทำเป็นมาตรฐานสำหรับกลุ่มประชากรของประเทศนั้นๆ เพื่อให้เข้ารับการตรวจก่อนที่จะมีปัญหาด้านสุขภาพ

แต่สำหรับประเทศไทย ยังไม่มีเกณฑ์มาตรฐานในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในคนไทยที่ชัดเจนแน่นอน และให้ตรวจคัดกรองฟรีแค่การติดเชื้อ HIV เท่านั้น (อ่านเพิ่ม : สวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศของคนไทย มีอะไรบ้าง ประกันสังคม บัตรทอง ข้าราชการ) ดังนั้น ในบทความนี้ จึงเอามาตรฐานการคัดกรองของประเทศสหรัฐอเมริกา จากข้อมูลของ CDC (Center of Diseases Control) มาเพื่อเป็นแนวทางให้เราได้ทราบกัน

ภาพรวมของคำแนะนำในการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (สหรัฐอเมริกา)

    • ผู้ใหญ่และวัยรุ่นทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 13 ถึง 64 ปี  ควรได้รับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีอย่างน้อยหนึ่งครั้ง

    • สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ทุกคน  ที่อายุน้อยกว่า 25 ปีควรได้รับการตรวจหาหนองในแท้และหนองในเทียมทุกปี ผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไปที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น มีคู่นอนใหม่หรือหลายคน หรือคู่นอนที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรได้รับการตรวจหาหนองในแท้และหนองในเทียมทุกปี

    • สตรีที่ตั้งครรภ์ทุกคน ควรได้รับการตรวจหาซิฟิลิส เอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบี และไวรัสตับอักเสบซี โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงต้นของการตั้งครรภ์ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อควรได้รับการตรวจหาหนองในเทียมและหนองในแท้ตั้งแต่ช่วงต้นของการตั้งครรภ์ อาจต้องทำการทดสอบซ้ำในบางกรณี

    • ชายข้ามเพศ , หญิงข้ามเพศ และชายอื่น ๆที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย  ควรได้รับการตรวจดังนี้:
        • อย่างน้อยปีละครั้ง สำหรับซิฟิลิส หนองในเทียม และหนองใน ผู้ที่มีคู่นอนหลายคนหรือไม่ระบุชื่อควรได้รับการตรวจบ่อยขึ้น (เช่น ทุก 3 ถึง 6 เดือน)

        • อย่างน้อยปีละครั้ง สำหรับเชื้อเอชไอวี และอาจได้ประโยชน์จากการตรวจหาเชื้อเอชไอวีบ่อยขึ้น (เช่น ทุก 3 ถึง 6 เดือน)

        • อย่างน้อยปีละครั้ง สำหรับโรคตับอักเสบซี หากติดเชื้อเอชไอวี

    • ใครก็ตามที่มีพฤติกรรมทางเพศที่อาจทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV หรือใช้อุปกรณ์ฉีดยาร่วมกับผู้อื่น  ควรเข้ารับการตรวจหาเชื้อเอชไอวีอย่างน้อยปีละครั้ง

    • ผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์ทางปากหรือทางทวารหนัก  ควรปรึกษากับผู้ให้บริการด้านสุขภาพเกี่ยวกับทางเลือกในการตรวจโรคในคอและทวารหนัก

รายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองโรคแต่ละโรค

การตรวจคัดกรองหนองในเทียม (Chlamydia trachomatis)

อ่านต่อ : Chlamydia trachomatis โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อาการน้อย แต่ปัญหาเยอะ

ผู้หญิง – หญิงที่มีเพศสัมพันธ์อายุต่ำกว่า 25 ปี1
– สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น* 1
– ตรวจซ้ำประมาณ 3 เดือนหลังการรักษา2
– การตรวจหนองในเทียมทางทวารหนัก สามารถพิจารณาทำในสตรีที่มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยง โดยตัดสินใจร่วมกันกับผู้ให้บริการ2,3,4
สตรีมีครรภ์ – หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปีทุกคน1
– หญิงตั้งครรภ์อายุ 25 ปีขึ้นไปหากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น* 1
– ตรวจซ้ำช่วงไตรมาสที่ 3 สำหรับสตรีอายุต่ำกว่า 25 ปีหรือกลุ่มเสี่ยง2
– หญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อหนองในเทียมควรได้รับการตรวจรักษา 4 สัปดาห์หลังการรักษา และตรวจซ้ำภายใน 3 เดือน2
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง – มีหลักฐานไม่เพียงพอสำหรับการตรวจคัดกรองในกลุ่มชายรักต่างเพศที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการติดเชื้อ
แต่อาจจะ พิจารณาตรวจคัดกรองชายที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เข้ารับบริการในคลินิกวัยรุ่น, อยู่ในทัณฑสถาน, เข้ารับการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคอื่นๆ 1,5 
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย (MSM) – ตรวจอย่างน้อยปีละครั้ง สำหรับกลุ่มชายรักชายที่มีเพศสัมพันธ์ ณ จุดที่มีการสัมผัสขณะมีเพศสัมพันธ์ (ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก) โดยไม่คำนึงถึงการใช้ถุงยางอนามัย2
– ตรวจทุก 3 ถึง 6 เดือนหากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (เช่น ชายรักชายที่ใช้ยา PrEP ติดเชื้อ HIV หรือหากพวกเขาหรือคู่นอนมีคู่นอนหลายคน) 2
คนข้ามเพศและบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ – คำแนะนำในการตรวจคัดกรองควรปรับเปลี่ยนตามลักษณะทางกายภาพ
เช่น หญิงที่ข้ามเพศเป็นชาย อายุน้อยกว่า 25 ปี แต่ยังมีช่องคลอดและปากมดลูก ควรตรวจเป็นประจำทุกปี เหมือนกับเพศหญิงทั่วไป2
– พิจารณาการตรวจคัดกรองที่บริเวณทวารหนักตามพฤติกรรมทางเพศและการสัมผัสขณะมีเพศสัมพันธ์2
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – สำหรับผู้ที่ยังมีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมอ ให้ตรวจคัดกรองในการประเมิน HIV ครั้งแรก และอย่างน้อยทุกปีหลังจากนั้น2,6
– อาจตรวจคัดกรองถี่ขึ้นกรณีที่มีพฤติกรรมเสี่ยง และมีการระบาดในพื้นที่2

การตรวจคัดกรองหนองในแท้ (Neisseria gonorrhea)

ผู้หญิง – หญิงที่มีเพศสัมพันธ์อายุต่ำกว่า 25 ปี1
– สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปหากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น* 1
– ตรวจซ้ำ 3 เดือนหลังการรักษา2
– การตรวจคัดกรองหนองในคอหอยและทวารหนักสามารถพิจารณาในสตรีโดยพิจารณาจากพฤติกรรมทางเพศและการสัมผัสที่รายงาน โดยผ่านการตัดสินใจทางคลินิกร่วมกันระหว่างผู้ป่วยและผู้ให้บริการ2,3,4
สตรีมีครรภ์ – หญิงตั้งครรภ์ทุกคนที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี และผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไปหากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น* 1
– ตรวจซ้ำช่วงไตรมาสที่ 3 สำหรับสตรีอายุต่ำกว่า 25 ปีหรือกลุ่มเสี่ยง2
– หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคหนองในควรได้รับการตรวจซ้ำภายใน 3 เดือน2
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง – มีหลักฐานไม่เพียงพอสำหรับการตรวจคัดกรองชายรักต่างเพศที่มีความเสี่ยงต่ำต่อการติดเชื้อ1
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย – อย่างน้อยปีละครั้งสำหรับกลุ่มชายรักชายที่มีเพศสัมพันธ์ ณ จุดที่สัมผัส (ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หลอดลม) โดยไม่คำนึงถึงการใช้ถุงยางอนามัย2
– ทุก 3 ถึง 6 เดือน หากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น2
คนข้ามเพศและบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ – คำแนะนำในการตรวจคัดกรองควรปรับเปลี่ยนตามลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์ (เช่น ควรขยายการตรวจคัดกรองโรคหนองในเป็นประจำทุกปีในสตรีเพศที่มีอายุน้อยกว่า 25 ปีไปยังชายข้ามเพศและบุคคลหลากหลายทางเพศที่มีปากมดลูก หากอายุมากกว่า 25 ปี ให้ตรวจคัดกรองหากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น .) 2
– พิจารณาการตรวจคัดกรองที่บริเวณคอหอยและทวารหนักตามรายงานพฤติกรรมทางเพศและการสัมผัส2
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ ให้ตรวจคัดกรองในการประเมิน HIV ครั้งแรก และอย่างน้อยทุกปีหลังจากนั้น2,6
– การตรวจคัดกรองถี่ขึ้นอาจเหมาะสมขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยงของแต่ละบุคคลและระบาดวิทยาในพื้นที่2

การตรวจคัดกรองซิฟิลิส (Treponema pallidum : syphilis)

ผู้หญิง – คัดกรองผู้หญิงที่ไม่แสดงอาการที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (ประวัติการถูกจองจำ หรืองานบริการทางเพศ ภูมิศาสตร์ เชื้อชาติ/ชาติพันธุ์) สำหรับการติดเชื้อซิฟิลิส2,7
สตรีมีครรภ์ – หญิงตั้งครรภ์ทุกคนที่ฝากครรภ์ครั้งแรก
– ทดสอบซ้ำที่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์และขณะคลอดหากมีความเสี่ยงสูง (อาศัยอยู่ในชุมชนที่มีโรคซิฟิลิสสูงหรือมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อซิฟิลิสในระหว่างตั้งครรภ์ [การใช้ยาในทางที่ผิด, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์, คู่นอนหลายคน, คู่นอนใหม่, คู่ที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์]) 2
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง – คัดกรองผู้ใหญ่ที่ไม่แสดงอาการที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (ประวัติการถูกจองจำหรือการค้าประเวณี ภูมิศาสตร์ เชื้อชาติ/ชาติพันธุ์ และเป็นชายอายุน้อยกว่า 29 ปี) สำหรับการติดเชื้อซิฟิลิส2,7
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย – อย่างน้อยปีละครั้งสำหรับกลุ่มชายรักชายที่มีเพศสัมพันธ์2
– ทุก 3 ถึง 6 เดือน หากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น2
– คัดกรองผู้ใหญ่ที่ไม่แสดงอาการที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (ประวัติการถูกจองจำหรือการค้าประเวณี ภูมิศาสตร์ เชื้อชาติ/ชาติพันธุ์ และเป็นชายอายุน้อยกว่า 29 ปี) สำหรับการติดเชื้อซิฟิลิส2,7
คนข้ามเพศและคนหลากหลายทางเพศ – พิจารณาการคัดกรองอย่างน้อยปีละครั้งตามรายงานพฤติกรรมทางเพศและการสัมผัส2
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ ให้ตรวจคัดกรองในการประเมิน HIV ครั้งแรก และอย่างน้อยทุกปีหลังจากนั้น2,6
– การตรวจคัดกรองถี่ขึ้นอาจเหมาะสมขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยงของแต่ละบุคคลและระบาดวิทยาในพื้นที่2

การตรวจคัดกรองเริม (Herpes simplex virus : HSV)

ผู้หญิง – พิจารณาตรวจ HSV สำหรับผู้หญิงที่เข้ามาเพื่อปรึกษาเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่มีคู่นอนหลายคน) 2
สตรีมีครรภ์ – ไม่แนะนำให้ทำการตรวจคัดกรอง HSV-2 ในหญิงตั้งครรภ์ที่ไม่แสดงอาการ อย่างไรก็ตาม การตรวจอาจมีประโยชน์กับหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HSV และให้คำแนะนำคำแนะนำเกี่ยวกับความเสี่ยงในการเกิดโรคเริมที่อวัยวะเพศระหว่างตั้งครรภ์2
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง – การตรวจ HSV สามารถพิจารณาได้สำหรับผู้ชายที่เข้ามาเพื่อปรึกษาเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (โดยเฉพาะสำหรับผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน) 2
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย – สามารถพิจารณาตรวจได้ หากไม่ทราบสถานะการติดเชื้อในกลุ่มชายรักชายที่มีการติดเชื้อที่ระบบสืบพันธุ์ ที่ไม่เคยได้รับการวินิจฉัยก่อนหน้านี้2
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – ควรพิจารณาการตรวจ HSV สำหรับบุคคลที่เข้ามาเพื่อปรึกษาเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีคู่นอนหลายคน) 2

การตรวจคัดกรองปรสิตในช่องคลอด (Trichomonas)

ผู้หญิง – พิจารณาการคัดกรองสตรีที่อยู่ในสถานที่ที่มีความชุกของโรคสูง (เช่น คลินิกโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และทัณฑสถาน) และสตรีที่ไม่แสดงอาการที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ (เช่น สตรีที่มีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาในทางที่ผิด หรือประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ คุมขัง) 2
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – แนะนำให้ตรวจในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ เมื่อเข้ารับการดูแลเรื่อง HIV เป็นครั้งแรก และอย่างน้อยทุกปีหลังจากนั้น2,6

การตรวจคัดกรอง HIV

ในประเทศไทย คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ตรวจคัดกรอง HIV ได้ฟรีทุกสิทธิ์การรักษา (ประกันสังคม บัตรทอง ข้าราชการ) ปีละ 2 ครั้ง

ผู้หญิง – ผู้หญิงทุกคนอายุ 13-64 ปี (opt-out)‡ 9,10
– ผู้หญิงทุกคนที่ขอรับการประเมินและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์2,10
สตรีมีครรภ์ – หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับการตรวจคัดกรองในการฝากครรภ์ครั้งแรก (opt-out) 9, 10
– ตรวจซ้ำในไตรมาสที่ 3 หากมีความเสี่ยงสูง (ผู้ที่ใช้ยา, มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ระหว่างตั้งครรภ์, มีคู่นอนหลายคนระหว่างตั้งครรภ์, มีคู่นอนใหม่ระหว่างตั้งครรภ์, อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อเอชไอวีสูง หรือมีคู่นอนที่ติดเชื้อเอชไอวี) 11
– ควรทำการตรวจอย่างรวดเร็วเสมอเมื่อมาคลอดบุตร หากไม่เคยตรวจคัดกรองมาก่อนในระหว่างตั้งครรภ์10
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง – ผู้ชายทุกคนอายุ 13-64 ปี (opt-out)‡ 9
– ผู้ชายทุกคนที่ขอรับการประเมินและรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์2
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย – อย่างน้อยปีละครั้งสำหรับกลุ่มชายรักชายที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าสถานะเอชไอวีไม่เป็นที่รู้จักหรือเป็นลบ และผู้ป่วยหรือคู่นอนของพวกเขามีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคนตั้งแต่การทดสอบเอชไอวีครั้งล่าสุด2,10,12
– พิจารณาประโยชน์ของการเสนอการตรวจเอชไอวีให้บ่อยขึ้น (เช่น ทุก 3-6 เดือน) ในกลุ่มชายรักชายที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการติดเชื้อเอชไอวี 2
คนข้ามเพศและบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ – ควรมีการพูดคุยและเสนอการตรวจคัดกรองเอชไอวีให้กับบุคคลข้ามเพศทุกคน ความถี่ของการตรวจซ้ำควรขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยง2,12

เชื้อ HPV, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งทวารหนัก (Human papilloma virus)

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ฉีดให้กับเด็กนักเรียนหญิงฟรี โดยจะมีโครงการเป็นระยะๆ แนะนำให้ลองติดต่อสอบถามและติดตามโปรแกรมฉีดได้ตามหน้าเว็บไซต์ขององค์กรสุขภาพต่างๆ เช่น สภากาชาดไทย (https://thestandard.co/thai-red-cross-free-800k-hpv/) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการตรวจคัดกรองเชื้อ HPV ฟรี ตามโครงการเป็นครั้งๆไป ตามแต่ละสถานพยาบาลที่จะจัดโครงการ แนะนำให้ลองติดต่อสอบถามและติดตามโปรแกรมตรวจได้ตามหน้าเว็บไซต์ขององค์กรสุขภาพต่างๆ เช่น โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ (https://www.chulabhornhospital.com/Detail/95/HPV_DNA_TEST-Say_kNow_HPV) เป็นต้น

สำหรับของต่างประเทศ จะแนะนำตรวจดังนี้

ผู้หญิง – ผู้หญิงอายุ 21-29 ปี ทุก 3 ปี ด้วยเซลล์วิทยา (Pap smear)13,14,15
– ผู้หญิงอายุ 30-65 ปี ทุก 3 ปี ด้วยการตรวจเซลล์วิทยา หรือทุก 5 ปี ด้วยการตรวจเซลล์วิทยาร่วมกับการตรวจ HPV 13,14,15
สตรีมีครรภ์ – สตรีมีครรภ์ควรได้รับการตรวจคัดกรองในช่วงเวลาเดียวกันกับสตรีที่ไม่ได้ตั้งครรภ์13,14,15
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย – การตรวจทวารหนักด้วยนิ้วมือ2
– ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะแนะนำการตรวจคัดกรองมะเร็งทวารหนักเป็นประจำด้วยเซลล์วิทยา2
คนข้ามเพศและคนหลากหลายทางเพศ – การตรวจคัดกรองผู้ที่มีปากมดลูกควรปฏิบัติตามแนวทางการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในปัจจุบัน2
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – ผู้ให้บริการควรปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันและรักษาโรคติดเชื้อฉวยโอกาสในผู้ใหญ่และวัยรุ่นที่ติดเชื้อ HIV ที่มีอยู่ เพื่อเป็นแนวทางในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและการจัดการผลลัพธ์ในผู้ติดเชื้อHIV16

ตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B)

ผู้หญิง – ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (มีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา การประเมินหรือการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การใช้ยาฉีดในอดีตหรือปัจจุบัน และคู่นอนที่มี HBsAg เป็นบวก) 17
สตรีมีครรภ์ – ตรวจหา HBsAg ในการนัดตรวจครรภ์ครั้งแรกของการตั้งครรภ์แต่ละครั้งโดยไม่คำนึงถึงการทดสอบก่อนหน้า ทดสอบซ้ำเมื่อคลอดหากมีความเสี่ยงสูง18
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง – ผู้ชายที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น (เช่น จากการสัมผัสทางเพศหรือการสัมผัสทางผิวหนัง) 17
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย – ชายรักชายทุกคนควรได้รับการตรวจหา HBsAg, anti-HBc และ anti-HBs 17
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – ตรวจหา HBsAg, anti-HBc และ anti-HBs 17

ตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C)

ผู้หญิง – ผู้ใหญ่ทุกคนที่อายุเกิน 18 ปีควรได้รับการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซี ยกเว้นในสถานที่ที่การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (HCV) มีค่า < 0.1% 19
สตรีมีครรภ์ – สตรีมีครรภ์ควรได้รับการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซี ยกเว้นในสถานที่ที่การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (HCV) มีค่า < 0.1% 19
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิง – ผู้ใหญ่ทุกคนที่อายุเกิน 18 ปีควรได้รับการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซี ยกเว้นในสถานที่ที่การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (HCV) มีค่า < 0.1% 19
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย – ผู้ใหญ่ทุกคนที่อายุเกิน 18 ปีควรได้รับการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซี ยกเว้นในสถานที่ที่การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (HCV) มีค่า < 0.1% 19
ผู้ติดเชื้อเอชไอวี – ควรตรวจ HCV ประจำปีในกลุ่มชายรักชายที่ติดเชื้อ HIV 2,19

สวัสดิการด้านสุขภาพทางเพศของคนไทย

Admin ได้เรียบเรียงสรุปไว้ด้านท้ายของบทความนี้ และจะมีรายละเอียดอยู่ในบทความอีกบทความหนึ่ง (อ่านต่อ : สวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศของคนไทย มีอะไรบ้าง ประกันสังคม บัตรทอง ข้าราชการ)

อ้างอิง

*ตาม USPSTF (United States Preventive Services Taskforce) ผู้หญิงอายุ 25 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการติดเชื้อหนองในแท้และหนองในเทียม หากมีคู่นอนใหม่ มีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน หรือมีคู่นอนที่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัยไม่สม่ำเสมอ มี โรคติดต่อก่อนหน้า หรือมีโรคติดต่อขณะมาอยู่ร่วมกัน มีประวัติการค้าบริการทางเพศกับเงินหรือยาเสพติด หรือมีประวัติต้องโทษจำคุก

† การตรวจทางซีโรโลยีของเชื้อ HSV-2 มีประโยชน์ในสถานการณ์ต่อไปนี้: อาการหรือรอยโรคที่อวัยวะเพศที่เกิดขึ้นซ้ำหรือผิดปรกติโดยมีผล HSV PCR หรือเพาะเชื้อเป็นลบ การวินิจฉัยทางคลินิกของโรคเริมที่อวัยวะเพศโดยไม่มีการยืนยันทางห้องปฏิบัติการ และคู่นอนของผู้ป่วย มีเริมที่อวัยวะเพศ ไม่แนะนำให้ทำการตรวจคัดกรองทางเซรุ่มวิทยา HSV-2 ในกลุ่มประชากรทั่วไป ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ (เช่น ผู้ที่เข้ารับการประเมิน STI โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอนตลอดชีวิตมากกว่า 10 คน และผู้ที่ติดเชื้อ HIV) อาจจำเป็นต้องได้รับการประเมินประวัติอาการเริมที่อวัยวะเพศ ตามด้วยประเภท – การตรวจทางซีโรโลยี HSV เฉพาะเพื่อวินิจฉัยโรคเริมที่อวัยวะเพศสำหรับผู้ที่มีอาการที่อวัยวะเพศ

‡ USPSTF แนะนำให้ตรวจคัดกรองในผู้ใหญ่และวัยรุ่นอายุ 15-65 ปี

§ ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะแนะนำการตรวจคัดกรองมะเร็งทวารหนักเป็นประจำด้วยเซลล์วิทยาทวารหนักในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งทวารหนัก ศูนย์ทางคลินิกบางแห่งทำการตรวจทางเซลล์วิทยาทางทวารหนักเพื่อตรวจหามะเร็งทวารหนักในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง (เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี กลุ่มชายรักชาย และกลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก) ตามด้วยการส่องกล้องความละเอียดสูง (HRA) สำหรับผู้ที่มีผลทางเซลล์วิทยาผิดปกติ ( เช่น ASC-US, LSIL หรือ HSIL)

แนวทางการตรวจคัดกรองในประเทศไทย

แม้ว่าในประเทศไทยจะมีสถิติที่น่ากังวลเกี่ยวกับการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ค่อนข้างสูง เช่น มีการค้าประเวณีแทบทุกจังหวัดในประเทศไทย, มีอัตราการตั้งครรภ์วัยรุ่นสูง, มีอัตราของคู่สมรสชาวไทยที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสสูง แต่ก็ยังไม่ได้มีมาตรฐานใดๆที่แนะนำการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในประเทศไทย

โดยส่วนใหญ่ เรื่องเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ก็จะเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ โดยการใช้สิทธิ์บัตรทอง ประกันสังคม หรือข้าราชการ เมื่อมีอาการแล้วเท่านั้น ไม่ได้มีนโยบายในการคัดกรองโรคอื่นๆที่มีความสำคัญ และติดต่อไปยังผู้อื่นได้

แต่ก็มีสิทธิการรักษาบางอย่าง ที่อนุญาติให้เข้ารับการตรวจคัดกรองได้ฟรีเฉพาะบางโรค และสิทธิ์บางอย่างเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งผู้เขียนได้เรียบเรียงสรุปไว้ด้านท้ายของบทความนี้ และจะมีรายละเอียดอยู่ในบทความอีกบทความหนึ่ง (อ่านต่อ : สวัสดิการเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศของคนไทย มีอะไรบ้าง ประกันสังคม บัตรทอง ข้าราชการ) สามารถเข้าอ่านเพิ่มเติมได้

ที่มา : https://www.cdc.gov/std/treatment-guidelines/screening-recommendations.htm

✅✅✅✅✅

หากมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด ตกขาว มีแผล หรือมีความเสี่ยงที่มีคู่นอนหลายคน หรือ คู่นอนของเรามีคนอื่นด้วย

แนะนำตรวจและรักษาให้ตรงจุด

ด้วยชุดตรวจโรคทางเพศด้วยตนเอง

 

รูปชุดตรวจ STD

หากต้องการตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อ หรือรักษาอาการผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ด้วยเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำสูง สามารถรักษาให้หายขาดได้ เฮลท์สไมล์ มีให้บริการชุดตรวจด้วยตนเองที่บ้าน ครอบคลุมเชื้อที่ทำให้เกิดแผลที่อวัยวะเพศสูงสุดถึง 14 โรค มีความแม่นยำมากกว่า 95%

เรามีแพคเกจตรวจโรคและความผิดปกติเกี่ยวกับอวัยวะเพศ ให้เลือกอยู่ 4 แพคเกจ

* ทุกแพคเกจ มีแพทย์เฉพาะทางที่ปรึกษาด้านสูตินรีเวช เพื่อแนะนำการรักษา
* ทุกแพคเกจ รวมค่ายารักษาตามโรคที่พบส่งฟรีถึงบ้านโดยเภสัชกร

    1. แพคเกจปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการรักษา : 900 บาท
      เหมาะกับคนที่ยังไม่เคยรักษา ต้องการรักษาด้วยตนเอง แพทย์แนะนำยา แนะนำการรักษา การดูแลตนเองหลังรักษาป้องกันการเป็นซ้ำ
    2. แพคเกจตกขาวผิดปกติ 7 โรค : 2,490 บาท
      สำหรับคนที่มีอาการปัสสาวะผิดปกติ หรือตกขาวผิดปกติ
      ตรวจได้ 7 เชื้อ ได้แก่
      – หนองในแท้
      – หนองในเทียม (5 ชนิด)
      – พยาธิในช่องคลอด
    3. แพคเกจแผลที่อวัยวะเพศ 11 โรค : 2,990 บาท
      สำหรับคนที่มีแผล หรือก้อนที่อวัยวะเพศ
      ตรวจได้ 11 เชื้อ ได้แก่
      แพคเกจที่ 2. + เพิ่ม
      – เริม (2 ชนิด)
      – ซิฟิลิส
      – แบคทีเรียในช่องคลอด
    4. แพคเกจตรวจครบ 15 โรค : 3,290 บาท *** แนะนำ ***
      สำหรับมารดาที่มีตกขาวผิดปกติ แนะนำให้ตรวจโรคแบบครบรอบด้าน
      ตรวจได้ 14 เชื้อ ได้แก่
      แพคเกจที่ 3. +เพิ่ม
      – แผลริมอ่อน
      – เชื้อรา (2 ชนิด)
      – เชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด (2 ชนิด) รวมไปถึงเชื้อ GBS (Group B Streptococcus) ซึ่งส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้รุนแรง

📞 สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และนัดหมายการตรวจได้ที่
– Line ID : @Sex.Disease
หรือคลิกได้ที่ลิงค์นี้
https://link.healthsmile.co.th/add-line/STD-content

🌐 อ่านข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมตรวจโรคทางเพศ และการรักษา ได้ที่นี่
https://healthsmile.co.th/mens-sti-clinic/
https://healthsmile.co.th/womens-sti-clinic/

✅✅✅✅✅

package STD price
สูตินรีแพทย์ ที่สนใจด้านโครโมโซม ยีน DNA และการตรวจสุขภาพเชิงลึก ให้การดูแลมารดาตั้งครรภ์ ตรวจความผิดปกติของทารกในครรภ์ รักษาสุขภาพทางเพศ และให้ความรู้ด้านการตรวจยีนสุขภาพ การศึกษา - สถานะความรู้ความชำนาญเฉพาะทางที่แพทยสภารับรอง : สาขา สูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา ( Obstetrics and Gynaecology ) - ประกาศนียบัตรฯ ที่แพทยสภารับรอง : ด้านเวชศาสตร์จีโนมเบื้องต้นสำหรับแพทย์เฉพาะทาง