เจาะลึกแนวทางปฏิบัติเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่ยอมตรวจ DNA พิสูจน์พ่อ-ลูก
ในโลกอุดมคติ เมื่อเกิดข้อสงสัยเรื่องสายเลือด การเดินจูงมือกันไปตรวจ DNA คือทางออกที่ง่ายและชัดเจนที่สุด แต่ในโลกความเป็นจริง หลายครั้งฝ่ายที่ถูกร้องขอ (เช่น ผู้ชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อ หรือฝ่ายแม่ที่ไม่ยอมให้ลูกตรวจ) มักจะเลือกวิธี “เงียบ นิ่ง และปฏิเสธ”
เมื่อทางตันเกิดขึ้น คุณมีทางเลือก 2 ทางหลัก
- ถูกกฎหมายแต่ใช้เวลา
- รวดเร็วแต่มีข้อที่ต้องระวัง
บทความนี้จะกล่าวถึงทั้งสองวิธีอย่างละเอียดค่ะ
1. วิธีปกติ (The Legal Route) : การใช้กระบวนการทางศาล ถูกกฎหมายแต่ใช้เวลา
นี่คือ “ทางหลวง” ที่กฎหมายกำหนดไว้ แม้จะดูอ้อมและใช้เวลา แต่เป็นวิธีเดียวที่มีผลบังคับใช้ได้จริงตลอดชีวิต
ขั้นตอนการดำเนินการอย่างละเอียด
-
การเจรจาและทำหนังสือบอกกล่าว (Notice) :
-
เริ่มจากการให้ทนายความออกหนังสือเชิญตัวมาเจรจาเพื่อตรวจพิสูจน์
-
หากอีกฝ่ายเพิกเฉย หนังสือนี้จะเป็นหลักฐานชิ้นแรกในศาลว่า “เราพยายามแก้ปัญหาโดยสันติแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่ร่วมมือ”
-
-
ยื่นคำร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว :
-
โจทก์ (ผู้ร้อง) ต้องยื่นฟ้องโดยบรรยายฟ้องให้เห็นถึง “พฤติการณ์ที่แสดงความสัมพันธ์” (เช่น เคยอยู่กินกันช่วงไหน, ภาพถ่ายคู่, แชทสนทนา, การโอนเงินเลี้ยงดู) เพื่อให้ศาลเห็นมูลเหตุที่น่าเชื่อถือว่าควรสั่งให้มีการตรวจ
-
-
การเผชิญสืบและการไกล่เกลี่ย:
-
ศาลเยาวชนฯ จะเน้นการไกล่เกลี่ยเป็นหลัก เจ้าหน้าที่จะพยายามคุยกับทั้งสองฝ่ายให้ตกลงกันตรวจโดยดีเพื่อประโยชน์ของเด็ก
-
-
ใช้ข้อบังคับทางกฎหมาย (Key Legal Mechanism):
-
หากจำเลยยังคงปฏิเสธที่จะไม่ตรวจ แม้ว่าจะมีการเข้ามาไกล่เกลี่ยแล้ว ศาลมีอำนาจที่จะใช้ พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 มาตรา 160 ออกมาใช้ ซึ่งมีใจความสำคัญระบุว่า ถ้าคู่ความฝ่ายใดไม่ยอมให้ความร่วมมือในการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร “ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผลตรวจจะเป็นโทษแก่ฝ่ายนั้น” แต่ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้นบางประการ
-
แปลภาษาชาวบ้าน: ถ้าผู้ชายไม่ยอมตรวจ ศาลจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่า “คนที่ปฏิเสธมีโอกาสที่จะเป็นตามที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวอ้าง” ทันที โดยที่ยังไม่ได้เข้าตรวจ DNA
-
ข้อดี (Pros)
-
ผลผูกพันทางกฎหมาย 100% (Legally Binding): คำพิพากษาของศาลสามารถนำไปใช้อำเภอกดดันให้จดทะเบียนรับรองบุตร, เปลี่ยนนามสกุลเด็ก, หรือบังคับคดีอายัดเงินเดือนเพื่อจ่ายค่าเลี้ยงดูได้
-
ความถูกต้องแม่นยำสูงสุด: การตรวจตามคำสั่งศาล (Legal Test) จะทำที่ รพ.รัฐ หรือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีการถ่ายรูป พิมพ์ลายนิ้วมือ และมีพยานยืนยันตัวตน (Chain of Custody) ตัดปัญหาการสลับตัวหรือปลอมแปลงผล
-
ชนะคดีโดยไม่ต้องตรวจ: ในหลายเคส ฝ่ายชายเลือกที่จะยอมรับสภาพหรือยอมไกล่เกลี่ยจ่ายค่าเลี้ยงดู เพราะรู้ว่าถ้าสู้ต่อไปโดยไม่ตรวจก็แพ้อยู่ดี
ข้อเสีย (Cons)
-
ค่าใช้จ่ายสูงและซับซ้อน: ต้องมีค่าทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าเดินทาง และค่าตรวจ DNA (ซึ่งมักต้องจ่ายไปก่อน)
-
ระยะเวลายาวนาน: กระบวนการตั้งแต่ยื่นฟ้องจนถึงศาลตัดสินอาจกินเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี (หรือมากกว่านั้นถ้ามีการอุทธรณ์)
-
ความสัมพันธ์พังทลาย: การฟ้องร้องคือการประกาศสงคราม ย่อมสร้างบาดแผลทางใจระหว่างพ่อแม่ และอาจส่งผลกระทบต่อเด็กในอนาคต
HealthSmile ให้บริการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดา ออกเอกสารใช้ประกอบทางกฎหมายได้ ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 – 22,000 บาท
ติดต่อ LINE ID : @HealthSmile หรือคลิกที่ link นี้เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://HealthSmile.co.th/dna-paternity-test
2. วิธีที่รวดเร็วกว่ากระบวนการทางศาล : การตรวจเพื่อความสบายใจ (Peace of Mind Test) รวดเร็วแต่มีข้อที่ต้องระวัง
วิธีนี้คือที่สะดวก และง่ายที่สุดสำหรับคนที่ร้อนใจ อยากรู้ผลอย่างรวดเร็ว โดยใช้วัตถุพยานที่เก็บได้จากอีกฝ่ายมาตรวจ
วิธีการเก็บสิ่งส่งตรวจมาตรวจ DNA
เนื่องจากไม่สามารถพาเจ้าตัวเข้ามาเก็บสิ่งส่งตรวจได้ ผู้ตรวจจึงต้องเก็บตัวอย่าง DNA เองจากสิ่งส่งตรวจต่างๆ เช่น
-
แปรงสีฟัน: ต้องเป็นอันที่ใช้ประจำและใช้มาอย่างน้อย 1 เดือน (และต้องมั่นใจว่าเขาไม่ใช้ปนกับคนอื่น)
-
เส้นผม: ต้องเป็นเส้นผมที่ “มีรากผม” (ตุ่มขาวๆ ที่โคนผม) ติดมาด้วยเท่านั้น อย่างน้อย 5-10 เส้น (ผมที่ตัดมาใช้ไม่ได้ เพราะไม่มีนิวเคลียส DNA) อาจจะเก็บจากเส้นผมที่หวี หรือเส้นผมที่หลุดร่วงที่หมอน/ที่นอนก็ได้
- เล็บมือ / เล็บเท้า: ควรล้างมือ / เท้า ให้สะอาดก่อนการตัดเล็บ ไม่ควรมีคราบดินหรือสิ่งสกปรกอื่นๆบนเล็บ หลังตัดเล็บเสร็จแล้วห้ามนำไปล้างน้ำ
-
ก้นบุหรี่/หมากฝรั่ง: ต้องเก็บทันทีหลังจากคายทิ้งและใส่ถุงซิปล็อค
-
คราบอสุจิ/คราบเลือด: บนทิชชู่ ผ้าปูที่นอน หรือเสื้อผ้าชั้นใน
- ช้อนส้อม หลอดดูดน้ำ ฯลฯ: สามารถลองสกัด DNA ได้เช่นกัน แต่อาจจะมีปริมาณ DNA น้อยจนไม่เพียงพอที่จะสกัดได้
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งส่งตรวจอื่นๆได้ที่นี่ : ตรวจ DNA พิสูจน์พ่อลูกจากสิ่งใดได้บ้าง? เส้นผม เล็บ แปรงสีฟัน ฯลฯ
HealthSmile จะคิดค่าบริการสกัด DNA จากสิ่งส่งตรวจชนิดพิเศษ ตัวอย่างละ 3,900 บาท
ข้อจำกัดทางเทคนิค (Technical Limitations)
-
โอกาสล้มเหลวสูง (Inconclusive Result): ตัวอย่างเหล่านี้มักมีปริมาณ DNA น้อย หรือ DNA เสื่อมสภาพจากความร้อน/แบคทีเรีย/เชื้อรา ทำให้ผลตรวจไม่สามารถอ่านผลได้
อ่านเพิ่มเติม : นโยบายการคืนเงิน กรณีไม่สามารถอ่านผลได้ -
ความแม่นยำลดลง: หากตัวอย่างมีการปนเปื้อน (Contamination) เช่น แปรงสีฟันที่ใช้กันหลายคน หรือก้นบุหรี่ที่คนอื่นมาจับซ้ำ ผลที่ได้อาจผิดเพี้ยน
ซึ่งปกติในการสกัด DNA หากพบว่ามี DNA เกินกว่า 1 ชุดในสิ่งส่งตรวจ (เช่น กรณีใช้แปรงสีฟันร่วมกัน หรือ ในเส้นผมมีของหลายคนปะปนกัน) ทางบริษัทจะปฏิเสธการตรวจต่อ และจะต้องทำการเก็บสิ่งส่งตรวจใหม่เท่านั้น
ความเสี่ยงทางกฎหมายและจริยธรรม (Legal & Ethical Risks) – จุดที่ต้องระวังที่สุด
ในประเทศไทย การเก็บสิ่งส่งตรวจโดยที่อีกฝ่ายไม่ได้รับทราบ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องจริยธรรม แต่เป็นเรื่องของบทลงโทษทางกฎหมายทางแพ่งและอาญาด้วย เนื่องจากเป็นการ ละเมิด พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) เพราะข้อมูลพันธุกรรม (Genetic Data) ถูกจัดเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวสูง (Sensitive Data)” ตามมาตรา 26 ดังนั้นการเก็บรวบรวม หรือการใช้โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งถือว่าผิดกฎหมาย หากอีกฝ่ายรู้ตัว เขาสามารถฟ้องคุณกลับข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคล หรือทำให้เสียชื่อเสียงได้ ซึ่งจะทำให้คุณเปลี่ยนสถานะจาก “ผู้เสียหาย” เป็น “จำเลย” แทน
ข้อดี (Pros)
-
รู้ความจริงส่วนตัว (Peace of Mind): เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเรียกร้องอะไรทางกฎหมาย แค่อยากรู้ให้หายข้องใจเพื่อตัดสินใจทิศทางชีวิตตัวเองเงียบๆ
-
ลดการเผชิญหน้า: ไม่ต้องทะเลาะหรือขู่เข็ญให้อีกฝ่ายมาตรวจ
ข้อเสีย (Cons)
-
เสียเงินฟรีถ้าผลไม่ออก: ค่าตรวจ Forensics แพงกว่าการเจาะเลือดปกติ 2-3 เท่า และไม่มีการรับประกันผล
-
เสี่ยงคุกและถูกฟ้องกลับ: ตามเหตุผลด้าน PDPA ข้างต้น
-
ใช้งานจริงไม่ได้: เป็นได้แค่กระดาษแผ่นหนึ่งที่ใช้ข่มขู่หรือคุยกันเองภายในเท่านั้น
HealthSmile ให้บริการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดา เพื่อความสบายใจ 12,000 บาท สามารถเก็บจากเล็บ / ผม / แปรงสีฟัน / ฯลฯ
ติดต่อ LINE ID : @HealthSmile หรือคลิกที่ link นี้เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://HealthSmile.co.th/dna-paternity-test
DNA paternity package
แนวทางป้องกันปัญหาทางกฎหมาย กรณีอีกฝ่ายไม่ยินยอม
วิธีที่ดีที่สุด คือการขอตรวจอย่่างตรงไปตรงมา โดยทางทีมงาน HealthSmile ขอเสนอเทคนิคคร่าวๆในการเจรจาไว้ดังนี้
เทคนิคการพูดเจรจาให้อีกฝ่ายยินยอมตรวจ DNA พิสูจน์ความสัมพันธ์ (Do’s & Don’ts)
-
เลือกเวลาที่เหมาะสม: อย่าพูดตอนทะเลาะกัน หรือตอนที่มีคนอื่นอยู่ด้วย ให้พูดตอนอารมณ์เย็นและอยู่กันตามลำพัง
-
ใช้คำว่า “เรา”: พยายามใช้คำว่า “เพื่อความสบายใจของ เราทั้งคู่” แทนที่จะบอกว่า “เพื่อความสบายใจของ ฉัน” หรือ “คุณต้องไปตรวจ”
-
เสนอทางออกเรื่องค่าใช้จ่าย: หากคุณพอไหว การบอกว่า “เดี๋ยวเราจัดการค่าใช้จ่ายให้เอง” จะช่วยลดข้ออ้างในการปฏิเสธได้มาก
-
เตรียมชุดตรวจ (Home Kit): เดี๋ยวนี้มีชุดตรวจแบบส่งไปรษณีย์ (เก็บตัวอย่างที่บ้านแล้วส่งแล็บ) คุณอาจจะซื้อมาเตรียมไว้แล้วบอกว่า “สั่งมาแล้ว แค่ช่วยป้ายกระพุ้งแก้มหน่อย ง่ายนิดเดียว ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล” วิธีนี้ทำให้อีกฝ่ายปฏิเสธยากขึ้น
แต่หากไม่สามารถเจรจาให้อีกฝ่ายยอมตรวจได้ หรือมีความกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีปฏิกิริยาเชิงลบต่อการขอตรวจ DNA ก็มีแนวทางเพื่อ “จำกัดความเสี่ยง” และ “แนวทางการลดผลกระทบ” (Damage Control) หากคุณตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ดังนี้
1. แนะนำว่าต้องเป็นการตรวจแบบ “ไม่ระบุชื่อ” (Anonymous Test) เท่านั้น
-
สิ่งที่ต้องทำ: เมื่อส่งตัวอย่างไปยังห้องแล็บเอกชน ห้าม ระบุชื่อจริง-นามสกุลจริงของเจ้าของ DNA (ฝ่ายชาย/เด็ก) ลงในแบบฟอร์มเด็ดขาด
-
วิธีปฏิบัติ: ให้ใช้รหัสสมมติ (Codename) เช่น “Sample A” คู่กับ “Sample B” หรือระบุแค่ความสัมพันธ์ เช่น “Alleged Father” (ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพ่อ) คู่กับ “Child”
-
เหตุผล: หากไม่มีชื่อระบุในใบผลตรวจ เอกสารนั้นจะไม่สามารถเชื่อมโยงไปถึงบุคคลภายนอกได้โดยตรงในทางนิตินัย ลดความเสี่ยงในการถูกใช้เป็นหลักฐานมัดตัวว่าคุณละเมิดข้อมูลใคร
2. ห้ามเปิดเผยผลตรวจแก่บุคคลที่สาม (Zero Disclosure)
-
ไม่ว่าจะเป็นการนำผลแอบตรวจไปโพสต์ประจานใน Social Media, ส่งให้ญาติพี่น้องดู, หรือเอาไปข่มขู่ฝ่ายตรงข้าม
-
วิธีปฏิบัติ: ผลตรวจนี้ต้องมีไว้สำหรับคุณคนเดียว หรือเฉพาะคนที่คุณไว้ใจเท่านั้น เมื่อรู้ผลแล้ว ให้เก็บเป็นความลับ
3. ห้ามนำไปใช้ในทางกฎหมายเด็ดขาด (Inadmissible Evidence)
-
ห้ามนำใบผลตรวจแบบแอบทำนี้ไปยื่นที่อำเภอเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางทะเบียน หรือยื่นต่อศาลเพื่อฟ้องร้อง เพราะนอกจากศาลจะไม่รับฟังแล้ว ทนายฝ่ายตรงข้ามจะใช้สิ่งนี้ฟ้องกลับคุณทันทีว่าคุณได้พยานหลักฐานมาโดยมิชอบ
-
วิธีปฏิบัติ: หากผลออกมาว่าไม่ตรงตามที่ต้องการ และคุณต้องการกระทำการทางกฎหมาย เช่น ยื่นอำเภอ หรือเขตเพื่อเปลี่ยนข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ หรือนำไปฟ้องร้องต่อศาล ให้เริ่มกระบวนการใหม่แบบถูกกฎหมายทั้งหมด (เช่น ขอตรวจกับทางอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา หรือยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอตรวจ) โดยทำเหมือนว่าคุณไม่เคยมีผลตรวจใบนี้มาก่อน
HealthSmile ให้บริการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดา เริ่มต้นเพียง 12,000 บาท ความแม่นยำมากกว่า 99.9%
ติดต่อ LINE ID : @HealthSmile หรือคลิกที่ link นี้เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : https://HealthSmile.co.th/dna-paternity-test
[Infographic] สิ่งส่งตรวจที่ส่งตรวจ DNA ความเป็นพ่อลูกได้
คำเตือน: เนื้อหาข้างต้นเป็นเพียงข้อมูลประกอบความเข้าใจ ไม่ใช่คำปรึกษาทางกฎหมาย หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้น ท่านควรปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญโดยตรง

