ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด 16 พฤศจิกายน 2566
PCR คืออะไร
การตรวจ PCR (Polymerase Chain Reaction) เป็นเทคนิคในห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการค้นหา DNA (สารพันธุกรรม) จำนวนเล็กน้อยในตัวอย่าง เราสามารถใช้การตรวจ PCR เพื่อตรวจหาการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs : Sexually transmitted infections) ได้หลายชนิด และสามารถเก็บตัวอย่างได้จากหลายตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นจากช่องคลอด ทางเดินปัสสาวะ ทวารหนัก คอหอย แผลที่อวัยวะเพศ ฯลฯ
PCR เป็นเทคนิคการตรวจที่ปฏิวัติรูปแบบการศึกษา DNA และถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าที่สำคัญที่สุดในอณูชีววิทยา ได้รับการพัฒนาครั้งแรกในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดยนักชีวเคมีชาวอเมริกัน แครี มัลลิส ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 1993
PCR สามารถตรวจหา DNA ได้จากตัวอย่างหลายประเภท ได้แก่:
-
- ปัสสาวะ
- ตกขาวจากช่องคลอด
- ทวารหนัก
- ช่องคอ
- เลือด
- น้ำอสุจิ
- น้ำไขสันหลัง
- ป้ายจากแผลของเซลล์และของเหลว
PCR ทำงานอย่างไร?
การเก็บสิ่งส่งตรวจจากตำแหน่งต่างๆของร่างกาย หากมีเชื้อโรคชนิดใดอยู่ เราก็จะสามารถตรวจพบ DNA ชิ้นเล็กๆของเชื้อนั้นๆอยู่ในสิ่งส่งตรวจที่เก็บมา แต่ว่า DNA ที่อยู่ในตัวอย่างเหล่านั้นมักจะไม่เพียงพอสำหรับการวิเคราะห์โดยตรง
PCR จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สร้างสำเนาของ DNA เหล่านั้นขึ้นมาเป็นจำนวนมาก (เรียกว่า Amplification) ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้มีจำนวน DNA ที่มากขึ้นเพียงพอต่อการวิเคราะห์
ไพรเมอร์ (Primer)
ขั้นตอนแรกของกระบวนการ PCR คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่า ไพรเมอร์ (Primer) ซึ่งเป็นลำดับ DNA สั้น ๆ ที่สามารถเชื่อมต่อกับส่วนปลายของตัวอย่าง DNA ที่คุณพยายามตรวจจับได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเทคนิคที่ใช้ในการค้นหา ขยาย และตรวจจับชิ้นส่วนของ DNA โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการตรวจสิ่งต่างๆ เช่น :
-
- การระบุเชื้อโรค (ในกรณีนี้ ก็คือ ชิ้นส่วนของ DNA ที่จำเพาะต่อเชื้อก่อโรคทางเพศนั่นเอง)
-
- การวินิจฉัยความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น การตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมต่างๆ เช่น ดาวน์ซินโดรม หรือ การตรวจหายีนก่อมะเร็ง ฯลฯ
-
- ค้นหายีนที่มีอิทธิพลต่อการดื้อยาปฏิชีวนะ
-
- การทำแผนที่จีโนมของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้ง พืช สัตว์ แบคทีเรีย รา ไวรัส ฯลฯ
การแยกเส้น DNA (Seperating the strands)
เมื่อคุณมีไพรเมอร์แล้ว ขั้นตอนต่อไปใน PCR คือการให้ความร้อนแก่ตัวอย่างเพื่อให้ DNA ที่มีเกลียวคู่แยกออกเป็นสองเกลียวเดี่ยว ซึ่งเรียกว่าการสูญเสียสภาพ (Denatured) จากนั้นไพรเมอร์ จะถูกรวมเข้ากับ DNA ตัวอย่าง
หลังจากนั้นจะมีการเติมเอนไซม์ DNA polymerase และเริ่มจำลอง DNA ตรงจุดที่มันมาบรรจบกับไพรเมอร์ จากนั้น DNA จะต้องผ่านกระบวนการจำลองแบบครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อเพิ่มจำนวน DNA ที่ต้องการ
การเติบโตแบบเอ็กซ์โปเนนเชียล
ในแต่ละรอบ ปริมาณของชิ้นส่วน DNA เป้าหมาย (DNA ของเชื้อโรคที่ต้องการตรวจ) หากมีอยู่ในสิ่งส่งตรวจนั้นๆก็จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ ในรอบแรก หนึ่งสำเนาจะกลายเป็นสอง จากนั้นสองชุดก็กลายเป็นสี่ แล้วก็แปด ฯลฯ
โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 20 ถึง 40 รอบในการพิจารณาว่ามี DNA เป้าหมายอยู่หรือไม่ หากมี DNA เป้าหมายอยู่ เมื่อผ่านการทำซ้ำดังกล่าวก็มักจะมีตัวอย่างเพียงพอสำหรับการวิเคราะห์ได้ แต่หากไม่มีก็จะตรวจไม่พบ
ตัวอย่างผลตรวจหา DNA ของเชื้อก่อโรคทางเพศ ที่ เฮลท์สไมล์ ให้บริการ
การให้ความร้อนอัตโนมัติ
ทุกขั้นตอนของปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส ได้แก่ การทำให้ DNA เสื่อมสภาพ การใช้ไพรเมอร์ และการยืดตัวของ DNA จะเกิดขึ้นที่อุณหภูมิต่างกัน ซึ่งหมายความว่าหลังจากที่ส่วนผสมเริ่มแรกถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว สามารถควบคุมขั้นตอนต่างๆ ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าเทอร์โมไซคลิง Thermocycling ได้
เทอร์โมไซเคิลหมายความว่าอุณหภูมิจะคงอยู่ที่ระดับที่จำเป็นเพียงนานพอสำหรับแต่ละขั้นตอนที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น PCR จึงเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขยายจำนวน DNA เป้าหมาย ที่จริงแล้ว สามารถทำได้ในหลอดทดลองเพียงหลอดเดียวโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากมนุษย์มากนัก
เหตุใด PCR จึงเกี่ยวข้องกับการทดสอบโรคทางเพศ
ปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรส และเทคนิคที่เกี่ยวข้อง กำลังมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นสำหรับการทดสอบโรคทางเพศ (STIs) นั่นเป็นเพราะเทคนิคเหล่านี้สามารถระบุ DNA หรือ RNA ของเชื้อก่อโรคไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิตได้ แม้จะมีจำนวนสาร DNA ในตัวอย่างเพียงเล็กน้อยได้อย่างแม่นยำ
การระบุรหัสพันธุกรรมของเชื้อโรคไม่จำเป็นต้องให้เชื้อโรคมีชีวิตอยู่ ไม่เหมือนการเพาะเชื้อแบคทีเรียหรือการเพาะเลี้ยงไวรัส นอกจากนี้ยังสามารถตรวจหาการติดเชื้อที่อาจเพิ่งได้รับเชื้อเมื่อไม่นานมานี้จนร่างกายยังไม่ได้พัฒนาแอนติบอดีให้ที่ตรวจพบได้ ทำให้มีข้อได้เปรียบเหนือการทดสอบประเภทที่เรียกว่า ELISA ที่ต้องรอให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีต่อโรคก่อนจึงจะสามารถตรวจได้
ประโยชน์ของ PCR
ด้วยความแม่นยำ และสามารถตรวจได้แม้จะมีเชื้อเพียงเล็กน้อย ทำให้ PCR สามารถตรวจพบการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (และโรคอื่นๆ) ได้เร็วกว่าการทดสอบด้วยวิธีอื่นๆ ยิ่งไปกว่านั้น สามารถเก็บตัวอย่างในเวลาใดก็ได้ สถานที่ใดก็ได้ (สามารถเก็บด้วยตนเองที่บ้านได้) ทำให้จัดการการส่งตรวจได้อย่างยืดหยุ่น ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลหรือคลินิก เพราะว่าไม่ต้องกังวลว่าเชื้อโรคจะตายระหว่างการขนส่งและทำให้ตรวจไม่พบเชื้อ
สำหรับสถานพยาบาล ประโยชน์เหล่านี้หมายถึงการทดสอบที่รวดเร็ว ง่ายขึ้น และราคาถูกลง ขณะนี้มีการทดสอบที่สามารถระบุเชื้อโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้สูงสุดถึง 14 โรคในคราวเดียว ซึ่งทำให้แพทย์สามารถให้การรักษาได้อย่างตรงจุดและครบถ้วนทุกโรคมากขึ้น ลดโอกาสเกิดอาการตกขาวเป็นๆหายๆ
ที่มา : https://www.verywellhealth.com/polymerase-chain-reaction-pcr-3132814
การเก็บสิ่งส่งตรวจด้วยตนเองที่บ้าน
ประโยชน์ของ PCR นี้ยังทำให้สามารถใช้เป็นชุดทดสอบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่บ้านมีความแม่นยำและเชื่อถือได้มากขึ้นอีกด้วย นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการติดเชื้อประเภทนี้ เนื่องจากผู้คนจำนวนมากรู้สึกเขินอายที่จะไปพบผู้ให้บริการด้านสุขภาพเพื่อทำการทดสอบ และการทดสอบที่บ้านมักจะทำได้เร็วกว่าที่ใครจะไปพบผู้ให้บริการด้านสุขภาพได้เช่นกัน
ประโยชน์ของการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เนิ่นๆ ถือเป็นก้าวสำคัญในการดูแลสุขภาพด้วยตนเองอย่างรอบด้าน ไม่เพียงแต่สามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่เกิดจากการรักษาไม่ตรงโรค แต่ยังสามารถระบุโรคอย่างรวดเร็ว ได้ทันท่วงที ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันที และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
การทดสอบที่บ้านทำงานอย่างไร
ด้วยชุดการทดสอบที่บ้านของ เฮลท์สไมล์ เราจะส่งชุดตรวจให้ถึงที่บ้าน คุณจะเก็บตัวอย่างของคุณเองด้วยอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ให้ และส่งยังห้องปฏิบัติการของเรา และรับการรักษาโรคที่ตรงจุดและหายขาดได้
ประเภทของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ตรวจพบโดย PCR
ปัจจุบันมีการใช้ PCR เพื่อตรวจหาเชื้อโรคจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากแบคทีเรีย
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ | แบคทีเรีย | ประเภทตัวอย่าง |
---|---|---|
แผลริมอ่อน | Haemophilus ducreyi | ไม้พันสำลีป้ายที่แผล |
หนองในเทียม | Chlamydia trachomatis | ตัวอย่างปัสสาวะ ไม้พันสำลีป้ายในช่องคลอด |
การ์ดเนอเรลลา | Gardnerella vaginalis | ไม้พันสำลีป้ายในช่องคลอด |
โรคหนองใน | Neisseria gonorrhea | ตัวอย่างปัสสาวะ ไม้พันสำลีป้ายในปากมดลูก ไม้พันสำลีป้ายในช่องคลอด ไม้พันสำลีป้ายในท่อปัสสาวะ |
ไมโคพลาสมา | Mycoplasma genitalium Mycoplasma hominis |
ไม้พันสำลีป้ายในช่องคลอด ไม้พันสำลีป้ายในเยื่อบุต่างๆ |
ซิฟิลิส | Treponema pallidum | ตัวอย่างเลือด ตัวอย่างปัสสาวะ ตัวอย่างน้ำอสุจิ ตัวอย่างน้ำไขสันหลัง ไม้พันสำลีป้ายแผลที่ผิวหนัง |
ยูเรียพลาสมา | Ureaplasma | ตัวอย่างปัสสาวะ ไม้พันสำลีป้ายในช่องคลอด |
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากไวรัส
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์/ไวรัส | ตัวอย่าง |
---|---|
โรคตับอักเสบบีและซี | ตัวอย่างเลือด |
เริม ชนิดที่ 1 และ 2 | ไม้พันสำลีป้ายในช่องคลอด ไม้พันสำลีป้ายที่แผล |
ไวรัสภูมิคุ้มกันบกพร่องของมนุษย์ (HIV) | ตัวอย่างเลือด |
Human Papillomavirus (HPV) | ไม้พันสำลีป้ายในปากมดลูก |
ปรสิตทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ | ปรสิต | ตัวอย่าง |
---|---|---|
ปรสิตในช่องคลอด | Trichomonas vaginalis | ไม้พันสำลีป้ายในช่องคลอด |
คำถามที่พบบ่อย
ผลการตรวจ PCR มีความแม่นยำเพียงใด?
อ่านเพิ่มเติมที่บทความนี้ : ชุดตรวจโรคทางเพศด้วยตนเอง แม่นยำแค่ไหน?
การตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR พบว่าความแม่นยำสูงมาก โดยส่วนมากความแม่นยำจะมากกว่า 95% และบางการศึกษาพบว่ามีความแม่นยำสูงถึง 100% เลยทีเดียว
การทดสอบ Multiplex PCR คืออะไร?
การทดสอบ Multiplex PCR คือเมื่อการตรวจหาโรคเพียงหนึ่งครั้ง แต่สามารถค้นหาการติดเชื้อหลายตัวพร้อมกัน ตัวอย่างคือการทดสอบ STI PCR ของ เฮลท์สไมล์ ที่จะสามารถตรวจหาเชื้อโรคได้ถึง 14 ชนิดในครั้งเดียว
ข้อมูลใดบ้างที่รวมอยู่ในชุดการทดสอบ PCR ของ เฮลท์สไมล์
ผลลัพธ์ที่คุณได้รับหลังจากการตรวจ PCR จากเฮลท์สไมล์ จะตรวจได้สูงสุดถึง 14 เชื้อ ดังนี้ :
1. หนองในแท้ Neisseria Gonorrhea
2. หนองในเทียม Chlamydia trachomatis
3. หนองในเทียม Mycoplasma hominis
4. หนองในเทียม Mycoplasma genitalium
5. หนองในเทียม Ureaplasma urealyticum
6. หนองในเทียม Ureaplasma parvum
7. โปรโตซัวในอวัยวะเพศ Trichomonas Vaginalis
8. เริมชนิดที่ 1 Herpes simplex type 1
9. เริมชนิดที่ 2 Herpes simplex type 2
10. ซิฟิลิส Treponama pallidum
11. โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่อวัยวะเพศ Gardnerella vaginalis
12. เชื้อรา Candida albicans
13. แผลริมอ่อน Haemophilus ducreyi
14. Group B streptococcus
หากพบว่าผลลัพธ์ของคุณเป็นบวก (คุณติดเชื้อ) จะมีแพทย์ให้คำปรึกษา และมียารักษาตามโรคที่ตรวจพบส่งให้
สรุป
การตรวจหาโรคทางเพศ เป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพของคุณ สุขภาพของคู่รัก และอาจรวมถึงสุขภาพของลูกในครรภ์ด้วย ทุกคนควรเข้ารับการตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นระยะๆขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพโดยรวม และพฤติกรรมทางเพศของคุณ
ในต่างประเทศ จะมีแนวทางช่วยคุณตัดสินใจว่าควรตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อใดและบ่อยเพียงใด (อ่านเพิ่ม : ควรตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เมื่อไหร่ ญ/ช สตรีตั้งครรภ์ คนข้ามเพศ ฯลฯ) หากคุณไม่สะดวกใจที่จะพูดคุยเรื่องนี้กับโรงพยาบาลหรือคลินิก คุณสามารถซื้อชุดตรวจเพื่อตรวจสุขภาพที่บ้านได้ และหากคุณมีผลการทดสอบเป็นบวก(ติดเชื้อ) เฮลท์สไมล์ เรามีแพทย์ให้คำปรึกษา พร้อมเภสัชกรเพื่อจัดยารักษาส่งให้ถึงบ้าน