Gardnerella vaginalis เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่โดยปกติจะอาศัยอยู่ในช่องคลอดเป็นส่วนหนึ่งของแบคทีเรียที่อยู่ร่วมกับแบคทีเรียอื่นๆ (ที่เรียกว่า microbiome) ภายในช่องคลอดของคุณผู้หญิง ซึ่งโดยปกติในช่องคลอดของคุณผู้หญิงจะมีแบคทีเรียหลากหลายชนิด อาทิเช่น Lactobacillus, Anaerococcus, Corynebacterium, Finegoldia, Streptococcus ฯลฯ และมีในปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้ช่องคลอดของคุณผู้หญิงสุขภาพดีถ้าแบคทีเรียที่มีอยู่ร่วมกันในสมดุลที่เหมาะสม
แต่เมื่อระดับปริมาณของ Gardnerella vaginalis ในช่องคลอดของคุณผู้หญิงเสียความสมดุลกับแบคทีเรียอื่นๆ และมีปริมาณ Gardnerella มากเกินไป คุณผู้หญิงก็จะเพิ่มโอกาสเป็นโรคติดเชื้อในช่องคลอดที่เรียกว่า Bacterial Vaginosis : BV ได้
เมื่อ Gardnerella ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1955 มันถูกคิดว่าเป็นแบคทีเรียที่ “ไม่ดี” ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอด แต่ปัจจุบัน การวิจัยแสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่มีการติดเชื้อในช่องคลอดก็มี Gardnerella อยู่เช่นกัน ซึ่งหมายความว่า Gardnerella เพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในช่องคลอด (BV) แต่สามารถเกิดจากแบคทีเรียอื่น ๆ อีกมากมายเช่น Atopobium Vaginae และ Megasphera
อย่างไรก็ตาม Gardnerella นั้น ก็เป็นสาเหตุหลักส่วนใหญ่ ที่ทำให้คุณผู้หญิงเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น (อ่านเพิ่ม : กลิ่นเหม็นจากช่องคลอด กลิ่นเหม็นจากอวัยวะเพศ เกิดจากอะไร ตรวจและรักษาอย่างไร)
ช่องคลอดที่มีสุขภาพดี จะมีช่วง pH 3.8-4.5 ถือว่ามีกรดในระดับปานกลาง แบคทีเรียที่อาศัยในช่องคลอดของคุณ (รวมถึง Gardnerella ด้วย) จะทำงานเพื่อรักษาระดับความเป็นกรดนี้ ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้กับการติดเชื้ออื่นๆ
เมื่อระดับความเป็นกรดลดลง เชื้อ Gardnerella จะเติบโตมากเกินไป และนั่นก็ทำให้คุณผู้หญิงเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด หรือ BV ได้
เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่
ทางการแพทย์ไม่ถือว่า Gardnerella vaginalis เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องจากเหตุผลดังนี้
-
- ช่องคลอดที่มีสุขภาพดี ก็มีแบคทีเรีย Gardnerella อยู่ในนั้น
แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั่วไปอื่น ๆ จะไม่มีอยู่ในช่องคลอดที่ปกติ
- ช่องคลอดที่มีสุขภาพดี ก็มีแบคทีเรีย Gardnerella อยู่ในนั้น
-
- คนที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็เป็น BV ได้
เราทราบอยู่แล้ว ว่าผู้ที่มีคู่นอนคนใหม่ หรือเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคนมักจะมีระดับ Gardnerella ที่สูง และเพิ่มโอกาสเป็น BV ได้
แต่คนที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็สามารถมีระดับ Gardnerella และเป็น BV ได้เช่นกัน
- คนที่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็เป็น BV ได้
-
- Gardnerella ไม่ได้ก่อโรคให้กับอวัยวะเพศชาย
ไม่เหมือนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่่นๆ ซึ่งจะติดต่อไประหว่างชาย – หญิง และก่อโรคให้กับทั้งสองเพศได้ แต่ Gardnerella แม้จะพบในอวัยวะเพศชาย ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความผิดปกติแต่อย่างใด
- Gardnerella ไม่ได้ก่อโรคให้กับอวัยวะเพศชาย
แม้ว่า Gardnerella จะไม่ได้ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แต่หากมี Gardnerella ในช่องคลอดปริมาณมากแล้ว คุณผู้หญิงก็จะมีแนวโน้มที่จะติดเชื้ออื่นๆมากขึ้น โดยเฉพาะหากมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายราย หรือเพิ่งมีการเปลี่ยนคู่นอนใหม่
Gardnerella เหมือนกับการติดเชื้อแบคทีเรียช่องคลอด (Bacterial vaginosis : BV) หรือไม่?
ไม่ เนื่องจาก BV นั้นเกิดได้จากหลายเชื้อ อาจจะไม่ใช่จาก Gardnerella ก็ได้
แพทย์จะทำการวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด BV เมื่อความสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดผิดปกติไป ยังไม่พบสาเหตุที่ชัดเจนของความไม่สมดุลนี้ แต่นักวิจัยทางการแพทย์พบว่า การเปลี่ยนแปลงของปริมาณของแบคทีเรียสองชนิด คือ แบคทีเรีย Lactobacilli และ Gardnerella เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรค BV
ผู้ที่เป็นโรค BV จะมีแบคทีเรีย Lactobacilli น้อยเกินไป และแบคทีเรีย Gardnerella มากเกินไป
หน้าที่ของแบคทีเรีย Lactobacilli คือการช่วยให้ช่องคลอดของคุณมีสภาพเป็นกรด ดังนั้นการมีแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสที่ไม่เพียงพอ จะทำให้ค่า pH ในช่องคลอดของคุณเพิ่มขึ้นเป็น 4.6 หรือมากกว่า และไม่เป็นกรดเพียงพอที่จะควบคุม Gardnerella ทำให้ปริมาณของมันเริ่มทวีคูณขึ้น และแบคทีเรียอื่น ๆ ก็เริ่มเติบโตมากขึ้นเช่นกัน ทำให้เกิดเป็นโรค BV ได้
อะไรเป็นสาเหตุของ Gardnerella vaginalis?
Gardnerella vaginalis เป็นส่วนหนึ่งของเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยเป็นปกติอยู่ในช่องคลอดของคุณผู้หญิงอยู่แล้ว คุณสามารถเป็นโรค BV ได้หาก Gardnerella เติบโตมากเกินไป ปัจจุบันยังไม่ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค BV แต่คนที่มีคู่นอนหลายคนมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเป็น BV
อาการแสดงทั่วไป กรณีที่คุณมีปริมาณ Gardnerella มากเกินไป
หาก Gardnerella เริ่มเติบโตมากเกินไป สารคัดหลั่ง (ตกขาว) จากช่องคลอดของคุณผู้หญิงอาจจะมีลักษณะผิดปกติดังนี้ (อ่านเพิ่ม : ตกขาวปกติเป็นอย่างไร)
-
- มีสีเทาหรือสีเขียว
-
- มีกลิ่นคาว และกลิ่นอาจจะรุนแรงโดยเฉพาะหลังจากมีเพศสัมพันธ์
-
- คุณผู้หญิงสามารถมี BV ได้โดยไม่ต้องมีอาการใด ๆ เลย
หากตรวจพบว่าเป็น BV ก็ควรได้รับการรักษา
วิธีตรวจหาเชื้อ Gardnerella vaginalis
ตรวจด้วยการนำสารคัดหลั่ง (ตกขาว) ไปตรวจ โดยมีหลายวิธี ดังนี้
วิธีตรวจด้วยสไลด์แก้ว หรือ การดมกลิ่นหลังจากหยดสารละลาย 10% KOH
-
- การตรวจด้วยสไลด์แก้ว (Wet smear) วิธีนี้ เป็นวิธีที่ใช้มานาน และราคาถูก ใช้การป้ายตกขาวจากช่องคลอด จากนั้นเอาไปใส่ในสไลด์แก้วที่มีน้ำเกลืออยู่และนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์ดูจะเห็นเชื้อแบคทีเรียเกาะติดอยู่กับเซลล์เยื่อบุผิวของช่องคลอด
-
- วิธีดมกลิ่น (Whiff test) หลังจากการหยอดสารละลาย 10% KOH ลงไปที่ตกขาวที่ป้ายออกมา จะได้กลิ่นเหม็นคาวปลา (Fishy odor)
ข้อดีของทั้งสองวิธีนี้ คือ ราคาถูก แต่เนื่องจากทั้งสองวิธีควรตรวจทันทีหลังป้ายเก็บตกขาว ทำให้ต้องตรวจที่โรงพยาบาล หรือคลินิกที่มีห้องปฏิบัติการเท่านั้น (ซึ่งคลินิก ณ ปัจจุบันมีน้อยที่ที่จะสามารถทำได้) นอกจากนี้ การตรวจเหล่านี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความละเอียดในการดูและดม หากไม่ได้ละเอียด ก็อาจจะตรวจพลาดได้
การตรวจด้วยการย้อมสี (Gram stain) และการตรวจหาค่าความเป็นกรดด่างของช่องคลอด ไม่ค่อยมีประโยชน์ในการวินิจฉัยการติดเชื้อ Gardnerella ดังกล่าว
การเพาะเชื้อ
มักจะไม่พบเชื้อ เนื่องจากเป็นเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ใช้ออกซิเจนในการหายใจ ดังนั้น เมื่อเอาไปเพาะเชื้อด้วยอาหารเชื้อแบคทีเรียแบบปกติ จะไม่พบเชื้อ ต้องใช้อาหารเพาะเชื้อแบบพิเศษซึ่งปกติไม่ได้มีใช้โดยทั่วไปในคลินิก หรือโรงพยาบาลขนาดเล็ก
ดังนั้น หากต้องการเพาะเชื้อ โดยส่วนใหญ่มักจะใช้เฉพาะในกรณีที่เป็นซ้ำบ่อย หรือดื้อต่อการรักษา แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกราย และต้องเสียเวลารอการเพาะเชื้อเป็นเวลานานกว่าวิธีอื่นๆ
การตรวจ PCR (Polymerase Chain Reaction) เพื่อหาชิ้นส่วน DNA ของเชื้อ
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการตรวจที่ดีมากขึ้น ดังนั้น จึงสามารถเก็บตกขาวเพื่อไปตรวจหา DNA ของเชื้อโรคได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องเสียเวลาเพาะเชื้อ
โดยข้อดีของการตรวจชนิดนี้ สามารถตรวจได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ด้วยการเก็บชิ้นส่วน DNA ของเชื้อที่อยู่ในช่องคลอด ส่งไปตรวจด้วยวิธี PCR (Polymerase Chain Reaction) ซึ่งจะสามารถตรวจได้ทั้ง DNA ของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัสได้พร้อมๆกันหลายชนิด มีความแม่นยำสูง สามารถเก็บสิ่งส่งตรวจไว้ได้นานถึง 14 วัน โดยไม่มีผลต่อความแม่นยำของการตรวจ
สำหรับวิธีตรวจด้วยตนเองนี้ ค่อนข้างแพร่หลายในการตรวจแถวประเทศฝั่งยุโรปและอเมริกา เนื่องจากสะดวก ประหยัดกว่าการไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล และมีความแม่นยำสูง สามารถให้การรักษาโรคได้อย่างตรงจุด
สำหรับข้อจำกัดของการเก็บตรวจด้วยตนเอง คือ ในประเทศไทยที่มีสิทธิ์การรักษาฟรี การตรวจด้วยตนเองอาจจะมีราคาที่สูงกว่าการตรวจแบบเดิมๆที่ต้องไปพบแพทย์ตามสิทธิ์บัตรทองที่รักษาฟรี (แต่กรณีการรักษาฟรี แพทย์อาจต้องช่วยประหยัด ซึ่งแพทย์ก็อาจจะไม่ได้ส่งตรวจยืนยันโรคให้กับผู้ป่วย)
การรักษา Gardnerella
BV ที่ไม่ได้รับการรักษาจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์เช่นการคลอดก่อนกำหนดและการแท้งบุตร นอกจากนี้ยังทำให้คุณมีความเสี่ยงมากขึ้นในการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ดังนั้น หากพบว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรีย ควรได้รับการรักษา โดยให้ยาฆ่าเชื้อ
ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน Metronidazole, Secnidazole, Tinidazole
ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ Metronidazole, clindamycin
การดูแล และเคล็ดลับในการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการเป็นตกขาวซ้ำ
-
- ไม่ควรสวนล้างภายในช่องคลอด (Douching) เพราะการสวนล้างทำให้เชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดเกิดความไม่สมดุล สามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้
-
- ใช้ถุงยางอนามัย หรือ แผ่นอนามัย(ระหว่างทำ Oral sex) ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการป้องกันเพิ่มโอกาสที่แบคทีเรียในช่องคลอดของคุณจะถูกรบกวนและทำให้เป็น BV ได้
-
- ไม่ควรมีคู่นอนทางเพศหลายราย เพราะเพิ่มโอกาสที่คุณจะได้รับการติดเชื้อต่างๆมากขึ้น
อย่าตื่นตระหนกหากคุณพบว่าคุณมีแบคทีเรีย Gardnerella Vaginalis อยู่ โรคนี้นั้นสามารถรักษาได้ หากได้รับยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมตามขนาดที่แนะนำ สามารถทำให้เชื้อแบคทีเรียต่างๆในช่องคลอดของคุณกลับมามีสุขภาพดีภายในเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห
ที่มา :
Gardnerella vaginalis. (n.d.). Cleveland Clinic. Retrieved April 20, 2024, from https://my.clevelandclinic.org/health/body/22001-gardnerella-vaginalis