Site icon HealthSmile.co.th ตรวจสุขภาพ

ตกขาวผิดปกติหลังจากมีเพศสัมพันธ์ จะแปลว่าเขาเอาเชื้อโรคมาติดให้ไหม?

ตกขาวผิดปกติหลังเพศสัมพันธ์จะติดเชื้อโรคอะไรไหม

ตกขาวผิดปกติหลังเพศสัมพันธ์จะติดเชื้อโรคอะไรไหม

ตกขาว มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น ระดูขาว, หมาดขาว ภาษาอังกฤษเรียกว่า leucorrhea หมายถึง สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอด มีหน้าที่ช่วยในการหล่อลื่น ป้องกันการติดเชื้อ และป้องกันความระคายเคือง ซึ่งลักษณะ สี และปริมาณของตกขาว จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและแต่ละช่วงของรอบเดือน โดยทั่วไปจะมีสีใสหรือสีขาวบ้างเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น (แต่บางกรณีหากไม่ได้ทำความสะอาด อาจจะมีกลิ่นคาวได้เล็กน้อย) อาจมีปริมาณมากในช่วงกลางรอบเดือนที่มีการตกไข่ หรือก่อนมีประจำเดือนและหลังมีประจำเดือน ในบทความนี้จะเจาะลึกเกี่ยวกับเรื่อ ตกขาวผิดปกติหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ว่ามีสาเหตุจากอะไร ลักษณะไหนที่เป็นอันตราย เป็นโรคติดต่อทางเพศ และมีวิธีการรักษาตกขาวผิดปกติอย่างไรบ้าง

ความรู้สึกว่าตกขาวของตนเองผิดปกติ เป็นความรู้สึกที่พบได้ในผู้หญิงแทบทุกเพศทุกวัย ซึ่งตกขาวเหล่านั้นบางครั้งก็ไม่ได้เกิดจากโรคร้าย หรือความผิดปกติใดๆ แต่ในหลายๆครั้ง ก็อาจเป็นสาเหตุที่บอกว่าแฟนของคุณกำลังนอกใจ หรือเป็นโรคต่างๆได้ ดังนั้น หากรู้สึกว่าตกขาวผิดปกติก็ควรตรวจหาสาเหตุเสมอ

สาเหตุที่ทำให้มีตกขาวผิดปกติ

    • ติดเชื้อ ได้แก่
        • มีเชื้อราในช่องคลอด จากการสวมใส่ชุดชั้นในอับชื้น
        • ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม แบคทีเรียต่าง ฯลฯ
        • ติดพยาธิในช่องคลอด
        • ติดไวรัส เช่น เริม

    • มีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูกหรือปากมดลูก จากเนื้องอกหรือมะเร็งต่างๆ : ถ้าเป็นจากเหล่านี้ตกขาวมักจะมีเลือดปนผิดปกติ หรือมีสีน้ำตาลจากเลือดเก่าๆ

    • ช่องคลอดมีอาการระคายเคือง เช่น หลังมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังการใช้ถุงยางอนามัย เป็นต้น

    • รับประทานยา หรืออาหารบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะบางตัว อาหารหมักดอง อาหารทะเล

    • ในวัยเด็ก หากมีตกขาวผิดปกติ อาจเกิดจากการเผลอใส่ของเล่นเข้าไป หรือเกิดจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้

    • ในวัยสูงอายุ หรือวัยทอง ที่หมดประจำเดือนมานานๆ มักจะช่องคลอดแห้ง และไม่มีตกขาวเยอะเท่ากับวัยสาว ดังนั้น หากมีตกขาวเพิ่มมากขึ้น ก็อาจเกิดจากเนื้องอก หรือมะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ได้เช่นด

สาเหตุที่ทำให้ตกขาวดูผิดปกติ แต่ว่าจริงๆแล้วปกติ

    • ตั้งครรภ์ เนื่องจากจะมีการไหลเวียนของเลือดบริเวณนี้มากกว่าปกติ

    • ช่วงตกไข่

    • ช่วงก่อน / หลังมีประจำเดือน

    • มีการระคายเคือง เช่น ใส่ผ้าอนามัยนานๆโดยไม่เปลี่ยน, ระคายเคืองจากการเสียดสีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือจากสารหล่อลื่นในถุงยางอนามัย เป็นต้น (ทั้งนี้ หากเป็นหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ควรตรวจให้แน่ชัดว่าตกขาวไม่ได้เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์)

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดตกขาวผิดปกติ

    1. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น
      โดยปกติแล้วบริเวณช่องคลอดจะมีแบคทีเรียทีเรียเจ้าถิ่นอยู่ ทำหน้าที่คอยปกป้องช่องคลอดไม่ให้เกิดการติดเชื้อ แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายมีการรับประทานยาฆ่าเชื้อ อาจเป็นการรักษาโรคหวัดและอื่น ๆ จะส่งผลให้แบคทีเรียชนิดนี้ถูกทำลายได้
    2. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
      รวมถึงการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง หรือการทานยากดภูมิ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตกขาวได้
    3. ลด ละ เลิก พฤติกรรมบางอย่าง
      งดสุรา บุหรี่ และยาเสพติดต่างๆ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ไม่สะอาด อาหารหมักดอง
    4. เลือกเครื่องแต่งกายที่เหมาะสม
      หลีกเลี่ยงการอับชื้น ไม่ใส่กางเกงในรัดเกินไป
    5. ทำความสะอาดอย่างถูกต้อง
      สำหรับการทำความสะอาดช่องคลอดควรทำความสะอาดในระดับที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดมากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณช่องคลอดบาง นอกจากนี้ การฉีดน้ำล้างช่องคลอดเป็นเวลานาน หรือการใช้สารเคมีหรือยาสวนล้างช่องคลอดเป็นประจำ จะทำให้สิ่งแวดล้อมและเชื้อแบคทีเรียตัวดีในช่องคลอดเปลี่ยนไป อาจส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียเจ้าถิ่นตายและเกิดการติดเชื้อได้ง่ายอีกด้วย
    6. ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
      เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

“ตกขาว” ของผู้หญิงแบบไหน ผิดปกติ?

ปริมาณของตกขาว

ปริมาณตกขาวของแต่ละคนไม่เท่ากัน ดังนั้นต้องเปรียบเทียบกับตัวเอง ว่าแต่เดิมเคยมีปริมาณตกขาวช่วงก่อนมีรอบเดือน กลางรอบเดือน และหลังรอบเดือนเป็นอย่างไร หากมีการเปลี่ยนแปลงปริมาณมากขึ้นจนผิดสังเกต ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นการตกขาวที่ผิดปกติ

ลักษณะของตกขาว

ปกติตกขาวจะเป็นน้ำใส หรือสีขาวขุ่นๆ แปรตามช่วงรอบเดือน โดยช่วงก่อนและหลังประจำเดือนจะขุ่นมากกว่าช่วงกลางรอบเดือน แต่ถ้าตกขาวมีลักษณะขุ่นมากขึ้น จนบางครั้งอาจข้นเหมือนแป้งเปียกหรือคราบนม ตกขาวนี้อาจเกิดจากเชื้อราได้

สีของตกขาว

โดยทั่วไปควรเป็นสีขาวขุ่น อาจมีเหลืองนวลๆ หรือขาวเหลืองนิดๆ แต่ถ้าเริ่มเหลืองเขียว ถือว่าไม่ปกติ ในบางกรณีตกขาวอาจมีเลือดปน หรือมีสีออกน้ำตาล หรือดำ อาจเกิดจากการมีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก ถ้าเป็นบ่อยไม่สัมพันธ์กับรอบเดือน ควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของเนื้องอก ติ่งเนื้อ หรือแม้แต่มะเร็งได้

กลิ่นของตกขาว

ตกขาวของแต่ละคนมีกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป แต่ตกขาวที่ผิดปกติ คือ ตกขาวที่มีกลิ่นเหม็นเกินปกติ โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ใหม่ๆ อาจเกิดจากการตกขาวที่ติดเชื้อจากแบคทีเรียกลุ่มหนึ่งหรือพยาธิในช่องคลอด ซึ่งในน้ำอสุจิของผู้ชายมีความเป็นด่างไปทำปฏิกิริยากัน จะทำให้เกิดกลิ่นเหมือนปลาเน่า

อาการผิดปกติอื่นๆที่ร่วมด้วย

เช่น อาการปวดท้องน้อย ไข้สูง ปัสสาวะแสบขัด เหล่านี้ถือว่าเป็นอาการที่รุนแรง ควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา เพราะอาจจะเกิดจากการติดเชื้อมาระยะเวลานานแล้วไม่ได้รักษา ทำให้เป็น ฝีหนองในอุ้งเชิงกรานได้ ซึ่งบางกรณีจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดดูดเอาหนองในช่องท้องออก

สรุปอาการของตกขาวที่ผิดปกติ

    • มีปริมาณมากกว่าปกติที่เคยมี

    • ข้นเหมือนแป้งเปียกหรือคราบนม

    • สีเริ่มออกเขียว หรือน้ำตาล

    • ตกขาวมีฟอง มีกลิ่นเหม็นอับ ร่วมกับอาการแสบคันขณะปัสสาวะ

    • มีกลิ่นเหม็นคาวเหมือนปลาเน่า ขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ใหม่ๆ

    • มีตกขาวร่วมกับอาการคัน หรือแสบบริเวณอวัยวะเพศ

วิธีทำความสะอาดเมื่อมีตกขาว

การทำความสะอาดที่ดีที่สุด คือ การใช้น้ำเปล่า และซับให้แห้ง โดยทำความสะอาดเฉพาะภายนอกไม่ต้องสวนล้างช่องคลอดหากมีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ ไม่แนะนำให้ใช้แผ่นอนามัยเป็นประจำ เพราะอับชื้นได้ง่ายกว่า และอย่าให้อับชื้น ควรเปลี่ยนชุดชั้นในเมื่อมีความเปียกชื้น ซักให้สะอาด และตากให้แห้งสนิทก่อนนำมาสวมใส่

สำหรับการทำความสะอาดช่องคลอดควรทำความสะอาดในระดับที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดมากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณช่องคลอดบาง

หากรู้สึกว่าตกขาวผิดปกติ ควรทำอย่างไร

หากไม่มั่นใจ ว่าตกขาวของตนเองผิดปกติหรือไม่ คุณผู้หญิงมีทางเลือกในการดูแลรักษาตนเองได้หลายอย่าง ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้

    1. พบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน
    2. ตรวจตกขาวด้วยตนเอง
    3. ซื้อยาจากร้านขายยา
    4. ซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่กล่าวอ้างว่ารักษาตกขาวได้ใช้เอง (**ไม่แนะนำ**)

1. พบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน

วิธีนี้ โดยหลักการแล้ว จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำที่สุด เนื่องจากได้รับการตรวจภายใน และมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลรักษาให้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความละเอียดของแพทย์แต่ละท่านด้วย ว่าจะตรวจละเอียดมากแค่ไหน ซึ่งหากยิ่งทำการตรวจละเอียด ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงเพิ่มขึ้นด้วย

แต่บางกรณี แพทย์ก็จะแค่จ่ายยาตามอาการเฉยๆ แล้วหากไม่ดีขึ้นค่อยทำการตรวจให้ก็เป็นได้เช่นกัน ซึ่งกรณีที่จ่ายยาโดยไม่ได้รับการตรวจ ก็จะไม่แตกต่างจากการไปซื้อยาจากร้านขายยากินเลย

2. ตรวจตกขาวด้วยตนเอง

แต่เดิม หากต้องการตรวจเชื้อจากตกขาว อาจจะต้องรีบเก็บสิ่งส่งตรวจ แล้วรีบนำไปเข้าในห้องแลปเพื่อทำการตรวจแยกโรค ว่าเป็นชนิดใด เนื่องจาก หากส่งตรวจช้า เชื้ออาจจะตายและไม่สามารถตรวจพบได้ เช่น เชื้อปรสิต Trichomonas เป็นต้น หรืออาจจะต้องส่งเพาะเชื้อหลายๆชนิด เพื่อดูว่าเป็นเชื้อชนิดใด ซึ่งเชื้อโรคแต่ละชนิด ก็จะมีการใช้อาหารเพาะเชื้อที่แตกต่างกัน

ปัจจุบัน เทคโนโลยีในการตรวจรักษาพัฒนาขึ้นมาก โดยใช้การตรวจด้วยวิธี Multiplex Real-time PCR (Polymerase Chain Reaction) เป็นการตรวจหาดีเอ็นเอ (DNA) ของเชื้อ ซึ่งเป็นวิธีการวินิจฉัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มีความไวและจำเพาะต่อโรคดี มีจุดเด่นคือ

    • สามารถตรวจพบเชื้อได้แม้จะมีเชื้อในปริมาณน้อย

    • ตรวจได้ทั้งเชื้อเป็นและเชื้อที่ตายแล้ว

จึงไม่มีปัญหาเรื่องการตรวจเชื้อไม่พบเนื่องจากเชื้อตายระหว่างการเก็บตัวอย่าง และสามารถตรวจพบเชื้อได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นโดยที่ยังไม่รู้สึกอาการผิดปกติได้

โดยปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาล แพทย์ก็อาจจะสั่งตรวจด้วยวิธี PCR นี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและจำเพาะต่อโรคได้ดี

แต่อย่างไรก็ดี การตรวจด้วยตนเอง ก็จะมีข้อจำกัดอยู่บางอย่าง คือ จะไม่สามารถตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เช่น เอดส์, ตับอักเสบบี, ตับอักเสบซี ซึ่งกรณีเหล่านั้น จำเป็นต้องทำการตรวจด้วยการเจาะเลือด

แต่หากว่ามีแค่อาการตกขาวเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้มีสงสัยว่าจะติดเชื้ออื่นๆด้วย การตรวจด้วยตนเอง ก็เป็นวิธีหนึ่งที่อาจจะเลือกเพื่อหาสาเหตุด้วยตนเองเบื้องต้นได้เช่นเดียวกัน โดยสามารถเลือกตรวจได้ 2 วิธี คือ ตรวจปัสสาวะ หรือตรวจจากตกขาวด้วยการใช้อุปกรณ์ป้ายในช่องคลอดก็ได้

3. ซื้อยาจากร้านขายยา

วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่าย และสะดวกที่สุด แต่ก็มีข้อเสียมาก และข้อจำกัดในการรักษาค่อนข้างมาก เนื่องจากการซื้อยาจากร้านขายยา หากเป็นร้านขายยาที่มีเภสัชกรที่มีจริยธรรม ก็มักจะจ่ายยาที่ปลอดภัยให้กับผู้ซื้อเพื่อทำการทดลองรักษา และหากดูอาการแล้วเป็นอันตราย เภสัชกรก็จะแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมได้

แต่หากเป็นร้านที่อาจจะไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่ได้มีเภสัชกรประจำอยู่ ก็มักจะสั่งยาฆ่าเชื้อต่างๆมาให้ โดยผู้ป่วยไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยที่แน่ชัด ทำให้มีโอกาสเกิดเชื้อดื้อยา หรือรักษาไม่ตรงโรค ทำให้โรคเป็นรุนแรงมากขึ้นได้

4. ซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่กล่าวอ้างว่ารักษาตกขาวได้ มาใช้เอง

วิธีนี้นั้นเป็นวิธีที่ “ไม่แนะนำ” เป็นอย่างยิ่ง

หากลองเสิร์ชในอินเตอร์เน็ต จะพบว่ามีผลิตภัณฑ์หลายๆแบรนด์ ที่กล่าวอ้างว่าสามารถรักษาตกขาว และรักษาโรคและความผิดปกติของอวัยวะเพศของสตรีได้ ทั้งกระชับช่องคลอด ลดตกขาว ทั้งๆที่ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเหล่านั้น มิได้มีการทดลองทางการแพทย์เพื่อยืนยันผลการรักษาดังกล่าว นอกจากนี้ บางแบรนด์ยังมีราคาแพงมาก เมื่อเทียบกับการรักษาทางการแพทย์ปกติ (โดยที่ไม่ได้รับประกันผลใดๆทั้งสิ้น)

ทั้งนี้ หากสอบถามกับผู้ขาย ก็มักจะได้คำตอบว่า สามารถรักษาได้จริง เนื่องจากผู้ขายมักจะมีผลประโยชน์จากการขายผลิตภัณฑ์ ดังนั้น จึงมักจะให้ข้อมูลที่ดีเกินจริงกว่าที่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นสามารถทำได้ตามที่จดทะเบียนกับทางองค์การอาหารและยา (อย.) โดยผู้ขายมักจะกล่าวอ้างว่า ไม่มีผลข้างเคียง ไม่มีแพ้ยา ก็เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านั้น เป็นเพียงการนำใบหรือส่วนต่างของพืชมาทำแห้งและบดใส่แคปซูล จึงเป็นเพียงแค่อาหารเสริมซึ่งไม่มีสรรพคุณในการรักษาแต่อย่างใด

นอกจากเรื่องผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะไม่สามารถรักษาได้แล้ว บางครั้งยังอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการวินิจฉัย ทำให้โรคนั้นรุนแรงขึ้น จากรักษาง่ายเป็นรักษายาก จากไม่มีผลแทรกซ้อนกลายเป็นโรครุนแรง เป็นฝี/หนองในอุ้งเชิงกรานได้


จะเห็นได้ว่า ตกขาว นั้นมีโอกาสเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งแต่ละสาเหตุก็มีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน หากพบว่าตนเองมีตกขาวผิดปกติ แนะนำให้ตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัด ก่อนทำการรักษา และหากรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียด เนื่องจากตกขาวนั้นอาจเกิดจากสาเหตุที่รุนแรงก็เป็นได้

Exit mobile version