การที่เราจะทราบว่าใครเป็นพ่อของเด็ก เราสามารถรู้ได้หลักๆอยู่ 2 วิธี ได้แก่
- วิธีที่แม่นยำที่สุดคือการตรวจพิสูจน์ DNA ของทารกในครรภ์ หรือที่เรียกว่า การตรวจ NIPPT (Non-Invasive prenatal paternity test) ซึ่งความแม่นยำสูงถึง 99.9%
- การคาดเดาวันปฏิสนธิของเด็ก (หรือคาดเดาวันตกไข่) ซึ่งจะมีความแม่นยำที่ต่ำกว่า
ในบทความนี้ จะสอนเกี่ยวกับการคำนวณวันตกไข่ และคาดเดาวันที่จะมีการปฏิสนธิของเด็กทารกในครรภ์ และมีเครื่องมือที่ช่วยคำนวณวันตกไข่และคาดเดาวันที่อาจจะมีการปฏิสนธิของทารกในครรภ์ แต่หากต้องการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาที่แแน่ชัดด้วยวิธี NIPPT สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้บทความนี้ : ตรวจความเป็นพ่อลูกก่อนคลอด ตั้งแต่ทารกยังอยู่ในครรภ์ โดยมีค่าใช้จ่ายในการตรวจอยู่ที่ 34,800 บาท
หากต้องการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดา ขณะทารกอยู่ในครรภ์ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ LINE ID : @HealthSmile
หรือคลิกที่นี่เพื่อ Add LINE
ใครบ้างที่จะต้องการทราบวันปฏิสนธิของเด็กทารกในครรภ์
ผู้ที่อาจต้องการทราบวันปฏิสนธิของทารกในครรภ์มีได้หลากหลายกลุ่ม โดยกลุ่มแรกคือคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ซึ่งไม่แน่ใจว่าใครเป็นพ่อของลูก โดยเฉพาะในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์กับมากกว่าหนึ่งคนในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน การรู้ช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีการปฏิสนธิสามารถช่วยให้คุณแม่ตัดสินใจว่าจะตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้ชายที่สงสัยว่าอาจเป็นพ่อของเด็กก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องการทราบข้อมูลนี้ เพื่อประเมินว่าเวลาที่มีเพศสัมพันธ์สอดคล้องกับอายุครรภ์ของฝ่ายหญิงหรือไม่ ซึ่งช่วยในการตัดสินใจว่าจะยอมรับความเป็นบิดาหรือไม่
อีกกลุ่มหนึ่งคือคู่รักที่กำลังวางแผนมีบุตร ซึ่งต้องการทราบวันตกไข่และช่วงเวลาที่มีโอกาสปฏิสนธิเพื่อช่วยในการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในกรณีของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการฉีดเชื้อ (IUI) ที่ต้องอาศัยการวางแผนอย่างแม่นยำ ส่วนแพทย์ พยาบาล หรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ก็ใช้ข้อมูลวันปฏิสนธิเพื่อคำนวณอายุครรภ์ ประเมินสุขภาพทารก และกำหนดวันครบกำหนดคลอดโดยประมาณ (EDC) อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายหรือนักจิตวิทยาครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับคดีความเกี่ยวกับการรับรองบุตรหรือการโต้แย้งสิทธิของเด็ก การทราบช่วงเวลาที่คาดว่าจะมีการปฏิสนธิจึงสามารถใช้เป็นข้อมูลประกอบในการพิจารณาเรื่องสิทธิ หน้าที่ และสายสัมพันธ์ทางกฎหมายหรือครอบครัวได้อย่างมีเหตุผลและยุติธรรม
สามารถระบุวันที่ปฏิสนธิที่แน่นอนได้หรือไม่ หากไม่ได้ตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อ?
การหาวันที่แน่นอนที่เกิดการปฏิสนธินั้นไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยทั่วไปมักถือว่า วันที่มีการตกไข่คือช่วงเวลาที่มีโอกาสเกิดการปฏิสนธิ เพราะเป็นช่วงที่ไข่พร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ อย่างไรก็ตาม ปัญหาคือ ผู้หญิงส่วนใหญ่มักไม่ได้ตกไข่ในวันที่แน่นอนในแต่ละเดือน และวันตกไข่อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเดือนด้วย นอกจากนี้หากนำปัจจัยเรื่องอสุจิที่สามารถอยู่ในร่างกายได้ 3-5 วันหลังจากมีเพศสัมพันธ์ มาพิจารณาด้วย ก็ยิ่งทำให้การระบุวันปฏิสนธิที่แน่ชัดเป็นเรื่องยากเข้าไปอีก แพทย์ส่วนใหญ่จึงใช้ วันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย (LMP) และการวัดจาก อัลตราซาวด์ มาใช้ประเมินอายุครรภ์ และคาดการณ์วันที่ปฏิสนธิ
แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องมือเหล่านี้เป็นเพียง “การประมาณ” เท่านั้น การจะบอกวันปฏิสนธิที่แน่นอนได้จริงๆ นั้นทำได้ยาก เพราะอัลตราซาวด์ในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ก็สามารถคลาดเคลื่อนได้ถึง 5-7 วัน และหากทำในช่วงไตรมาสที่สองหรือหลังจากนั้น ความคลาดเคลื่อนอาจมากกว่านั้นอีก
วันที่ครบกำหนดคลอด (Due date) ก็ไม่ใช่ตัวชี้วัดที่แม่นยำสำหรับการบอกวันปฏิสนธิ เนื่องจากเป็นเพียงวันที่ประมาณไว้เช่นกัน (มีเพียง 5% ของผู้หญิง เท่านั้นที่คลอดในวันครบกำหนดจริงๆ)
หากคุณต้องการทราบวันที่ปฏิสนธิเพื่อใช้ในกรณีเกี่ยวกับความเป็นบิดา และคุณมีเพศสัมพันธ์กับคู่ต่างคนภายในระยะเวลา 10 วัน การตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อจึงเป็นสิ่งที่แนะนำอย่างยิ่ง โดยสามารถตรวจได้ทั้ง ระหว่างตั้งครรภ์ และ หลังคลอดบุตร ซึ่งนี่คือวิธีเดียวที่จะรู้ได้อย่างแม่นยำว่าใครคือพ่อของเด็ก
วิธีคาดเดาว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง
ในช่วงเวลาที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์ อาจเกิดความสับสนใจขึ้นได้ หากคุณไม่แน่ใจว่าใครคือพ่อของลูกในท้อง เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องทั้งกับอนาคตของลูก ความสัมพันธ์ และความรับผิดชอบของทุกฝ่าย ซึ่งบทความนี้จะช่วยแนะนำวิธีคาดเดาและแนวทางตรวจสอบอย่างมีเหตุผล โดยไม่ตัดสิน
1. พิจารณาจากระยะเวลาการตั้งครรภ์และช่วงมีเพศสัมพันธ์
สิ่งแรกที่ควรทำคือ ทบทวน วันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้าย (LMP) และ วันที่มีเพศสัมพันธ์กับแต่ละคน หากรู้วันที่ตกไข่หรือวันปฏิสนธิได้ จะช่วยให้คาดการณ์ได้แม่นยำมากขึ้น เพราะอสุจิสามารถมีชีวิตอยู่ในมดลูกได้ราว 3-5 วัน และไข่จะสามารถผสมได้ภายใน 12-24 ชั่วโมงหลังการตกไข่
ตัวอย่าง:
หากประจำเดือนมาวันที่ 1 มกราคม และคุณมีรอบเดือนปกติ 28 วัน วันตกไข่จะประมาณวันที่ 14 มกราคม หากคุณมีเพศสัมพันธ์ใกล้วันนั้น ก็มีโอกาสสูงที่ฝ่ายนั้นจะเป็นพ่อของเด็ก
2. พิจารณาจากความถี่และลักษณะของความสัมพันธ์
แม้จะไม่สามารถยืนยันความเป็นพ่อได้จากความถี่ของการมีเพศสัมพันธ์ แต่การเข้าใจพฤติกรรมของตนเองและช่วงเวลาที่มีโอกาสตั้งครรภ์สามารถช่วยลดความคลุมเครือได้บางส่วน เช่น หากมีเพศสัมพันธ์กับคนหนึ่งเป็นประจำ และกับอีกคนหนึ่งเพียงครั้งเดียวในช่วงไม่ใกล้ตกไข่ โอกาสก็อาจแตกต่างกัน
3. ใช้แอปหรือเครื่องมือคำนวณการตกไข่
แอปฯ สำหรับหญิงตั้งครรภ์หรือแอปติดตามรอบเดือน สามารถช่วยคำนวณวันตกไข่ย้อนหลังจากอายุครรภ์ เพื่อช่วยคาดเดาว่าใครน่าจะเป็นพ่อได้
ต่อไปนี้คือตัวอย่าง 5 แอปพลิเคชันสำหรับการบันทึกรอบเดือน (รวมถึงคาดเดาวันที่ไข่ตก) พร้อมลิงก์ไปยังแต่ละแอปพลิเคชัน (ทั้ง iOS และ Android ถ้ามี)
- 🌸 1. Flo My Health & Period Tracker
- 💗 2. Ovulation Calculator
- 🩷 3. Period Tracker – My Calendar
- 📆 4. My Days – Period & Ovulation
- 🌺 5. ไดอารี่หญิงๆ
4. ตรวจความเป็นพ่อ (Paternity Test)
หากการคาดเดาทั้งหมดไม่แน่ชัด วิธีที่แม่นยำที่สุดคือ การตรวจ DNA เพื่อพิสูจน์ความเป็นพ่อ ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ:
- หลังคลอด: ใช้ตัวอย่างจากพ่อและลูกหลังคลอด เช่น เซลล์จากกระพุ้งแก้ม
- ระหว่างตั้งครรภ์ (NIPPT): ตรวจโดยการเก็บเลือดจากคุณแม่และ DNA จากพ่อ สามารถทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 สัปดาห์ขึ้นไป มีความแม่นยำมากกว่า 99.9% และปลอดภัยสำหรับทั้งแม่และลูก
สรุป
การคาดเดาว่าใครเป็นพ่อของลูกในท้อง อาจทำได้ในระดับหนึ่งจากการคำนวณวันตกไข่และพฤติกรรมที่ผ่านมา แต่หากต้องการความแน่ชัด และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย การตรวจ DNA จะเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
หากคุณกำลังเผชิญกับเรื่องนี้ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ขอให้คุณกล้าหาคำตอบ และเลือกวิธีที่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพราะการรู้ความจริงไม่ใช่เพื่อโทษใคร แต่เพื่อดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุดในอนาคต
คำนวณ “วันไข่ตก” และ “ช่วงวันที่อาจเกิดการปฏิสนธิ (บวก/ลบ 5 วัน)”
โดยสามารถคำนวณได้จาก
- วันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย (LMP)
- อายุครรภ์ (weeks + days)
- วันครบกำหนดคลอด (EDC)