การตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ด้วย DNA นั้น เป็นสิ่งที่แม่นยำที่สุดในการยืนยันความสัมพันธ์ แต่ว่าการตรวจก็ไม่ใช่แค่เอา DNA มาเทียบกัน แล้วบอกว่าเหมือนหรือไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่วิทยานั้นมีความละเอียดลึกขึ้นไปอีก โดยทั่วไป การตรวจ DNA เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้น มีการตรวจอยู่ 4 ประเภท ได้แก่
- DNA ในนิวเคลียส (Autosomal STR)
- โครโมโซมเพศชาย (Y-STR)
- โครโมโซมเพศหญิง (X-STR)
- ไมโตคอนเดรีย DNA (mtDNA)
การเข้าใจความแตกต่างของ DNA ทั้ง 4 ประเภทนี้ คือ “หัวใจสำคัญ” ของการเลือกคู่เทียบ เพราะถ้าคุณ (หรือศูนย์แลปที่คุณเลือกใช้บริการตรวจ DNA) เลือกการตรวจผิดประเภท ก็อาจจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการเลย
สรุปความแตกต่างของการตรวจ DNA ทั้ง 4 แบบ
คำอธิบายเกี่ยวกับศัพท์ในการตรวจ DNA:
- Autosomal (ออโตโซม): หมายถึง โครโมโซมร่างกายที่ไม่ใช่โครโมโซมเพศ (X หรือ Y).
- Sex Chromosome : หมายถึงโครโมโซมเพศ ได้แก่ X, Y โดยเพศหญิงจะมี Sex Chromosome เป็น XX ส่วนชายจะเป็น XY
- Short Tandem Repeat (STR): คือ ส่วนของ DNA ที่มีลำดับเบสสั้นๆ (2-7 คู่เบส) ที่ซ้ำกันติดๆ กันหลายครั้ง (เช่น TATATATA) ความถี่และความยาวของการซ้ำนี้มีค่าแตกต่างกันไปในแต่ละคน.
- การนำไปใช้: FBI และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ ใช้การตรวจ Autosomal STR ที่ตำแหน่ง 13-27 ตำแหน่ง (การตรวจที่ HealthSmile ส่งตรวจนั้นใช้ 21 ตำแหน่ง) เพื่อสร้างโปรไฟล์ DNA ที่เหมือนเป็น “ลายนิ้วมือทางพันธุกรรม” เพื่อระบุตัวตน พิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ลูก หรือเชื่อมโยงบุคคลกับสถานที่เกิดเหตุ.
1. Autosomal STR (Autosomal Short Tandem Repeat)
Autosomal STR คือ DNA ที่อยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ร่างกายทั่วไป (โครโมโซมมี 22 คู่ ไม่รวมโครโมโซมเพศ (Autosomal Chromosome)) ที่มีลำดับเบสสั้นๆ (เช่น 2-6 คู่เบส) ซ้ำกันหลายๆ ครั้ง (Short Tandem Repeat) ซึ่งความยาวของส่วนที่ซ้ำกันนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทำให้เป็นเครื่องหมายทางพันธุกรรมที่เฉพาะตัวและใช้ในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล (DNA Fingerprinting) ได้ดีมาก.
การถ่ายทอด : ลูกจะได้รับจาก พ่อ 50% และ แม่ 50% ผสมกัน
จุดเด่น : สามารถระบุตัวบุคคลได้แม่นยำที่สุด (Unique) เพราะแทบไม่มีใครมี Autosomal STR เหมือนกันเป๊ะ (ยกเว้นแฝดแท้)
ใช้เมื่อไหร่ :
- ตรวจพ่อ-แม่-ลูก (Paternity/Maternity): เป็นวิธีมาตรฐาน (Standard)
- ตรวจพี่น้อง (Siblingship): เพื่อดูโอกาสว่าเป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกันหรือไม่
2. Y-STR (สายเลือดผู้ชาย)
Y-STR คือ DNA ที่อยู่บนโครโมโซม Y ซึ่ง มีเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น
การถ่ายทอด : ส่งต่อจาก พ่อ -> ลูกชาย -> หลานชาย แบบรุ่นสู่รุ่นโดย “ไม่เปลี่ยนแปลง” (หรือเปลี่ยนน้อยมาก)
จุดเด่น : ผู้ชายทุกคนในตระกูลฝั่งพ่อ (ปู่, พ่อ, อา, ลูกชาย, หลานชาย) จะมี Y-STR เหมือนกันหมด
ใช้เมื่อไหร่ :
- เมื่อพ่อเสียชีวิต: ใช้ปู่ หรือ อา หรือ พี่น้องชายของพ่อ มาตรวจเทียบกับหลานชายได้
- คดีทางเพศ: แยก DNA ผู้ชายออกจาก DNA ผู้หญิงได้ชัดเจน
3. X-STR (ตัวช่วยสายลูกสาว)
X-STR คือ DNA บนโครโมโซม X ซึ่งพบตัวโครโมโซมนี้ได้ทั้งในเพศหญิง และเพศชาย (ผู้หญิงมี XX, ผู้ชายมี XY)
การถ่ายทอด :
พ่อ -> ลูกสาว: พ่อจะส่ง X ให้ลูกสาวทุกคน “เหมือนกันเป๊ะ” 100% (เพราะพ่อมี X ตัวเดียว)
แม่ -> ลูก (ชาย/หญิง): แม่จะสุ่มส่ง X ให้ลูก
จุดเด่น : ใช้พิสูจน์ความสัมพันธ์พี่น้องหญิง หรือ ย่า-หลานสาว ได้ดีมาก
ใช้เมื่อไหร่ :
- พี่น้องหญิงคนละแม่: ถ้าสงสัยว่าพ่อเดียวกันไหม ให้ดู X-STR ถ้าพ่อเดียวกัน X ต้องเหมือนกันหมด
- ย่า กับ หลานสาว: ในกรณีที่พ่อเสียชีวิต และไม่มีแม่มาเทียบ
4. mtDNA (ส่งต่อสายเลือดผู้หญิง – ไมโตคอนเดรีย)
mtDNA คือ DNA ที่อยู่นอกนิวเคลียส (อยู่ในส่วนหนึ่งของเซลล์ที่เรียกว่า ไมโตคอนเดรีย) นี่คือจุดที่สำคัญที่สุด เพราะในขณะที่ DNA ปกติในนิวเคลียส (Autosomal DNA) เราจะได้จากพ่อ 50% และแม่ 50% แต่ mtDNA เราได้รับจาก “แม่” 100% ดังนั้น ลูกทุกคน (ทั้งชายและหญิง) จะมี mtDNA เหมือนแม่ทุกประการ
การถ่ายทอด : ส่งต่อจาก แม่ -> ลูกทุกคน (แต่เฉพาะลูกสาวที่จะส่งต่อให้รุ่นหลานได้ ลูกชายเป็นทางตันไม่ส่งต่อ mtDNA ต่อไปยังรุ่นหลาน)
จุดเด่น : มีปริมาณมาก ทนทาน (เจอในเส้นผมที่ไม่มีราก หรือกระดูกเก่าๆ ได้) และพี่น้องทุกคนที่เกิดจากแม่เดียวกันจะมี mtDNA เหมือนกัน
ใช้เมื่อไหร่ :
- พิสูจน์พี่น้องแม่เดียวกัน: ใช้พิสูจน์ว่าคนกลุ่มนี้เป็นญาติทางฝั่งแม่เดียวกันหรือไม่ (เช่น พิสูจน์พี่น้องแม่เดียวกัน, ยายกับหลาน)
- พิสูจน์ศพ/ชิ้นส่วน: ที่เน่าเปื่อยมาก หรือเหลือแต่กระดูก/เส้นผม
สรุปครบ 4 ประเภท DNA (Autosomal, Y-STR, X-STR, mtDNA) เลือกตรวจแบบไหนให้ได้ผลแม่นยำที่สุด? คู่มือเลือกวิธีตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ที่เหมาะกับครอบครัวคุณ
ตารางสรุปการเลือกใช้ DNA แต่ละชนิดในการตรวจ
| ประเภท DNA | แหล่งที่มา | การถ่ายทอด (Inheritance) | ความแม่นยำระบุตัวตน | เหมาะสำหรับเคส |
| Autosomal | นิวเคลียส | พ่อ 50% / แม่ 50% | ⭐⭐⭐⭐⭐ (สูงสุด) | พ่อ-ลูก, แม่-ลูก (มาตรฐาน) |
| Y-STR | โครโมโซม Y | พ่อ -> ลูกชาย (เท่านั้น) | ⭐⭐ (ระบุได้แค่ตระกูล) | พ่อตาย (ตรวจปู่/อา แทน), พี่น้องชายล้วน |
| X-STR | โครโมโซม X | พ่อ -> ลูกสาว (100%) | ⭐⭐⭐ | พี่น้องหญิงพ่อเดียวกัน, ย่า-หลานสาว |
| mtDNA | ไมโทคอนเดรีย | แม่ -> ลูกทุกคน | ⭐⭐ (ระบุได้แค่สายแม่) | พี่น้องแม่เดียวกัน, ตรวจจากเส้นผม/กระดูกเก่า |
ตัวอย่างสถานการณ์จริงให้คุณฝึกคิด
โจทย์ข้อที่ 1
นาย ก. (ชาย) สงสัยว่า เด็กชาย ข. เป็นลูกของตนหรือไม่? แต่ นาย ก. เสียชีวิตไปแล้ว เหลือแต่ “น้องชายแท้ๆ ของนาย ก.” (อา) คุณควรเลือกตรวจอะไร?
คำตอบ: เลือก Y-STR ครับ
เหตุผล: เพราะ นาย ก. และ น้องชาย (อา) ได้รับ Y มาจากปู่คนเดียวกัน ดังนั้น Y-STR ของอา ต้องเหมือนกับของ นาย ก. และถ้าเด็กชาย ข. เป็นลูกจริง ก็ต้องมี Y-STR ชุดเดียวกันนี้ด้วยครับ
โจทย์ข้อที่ 2
ถ้าเด็กในข้อที่ 1 เป็น “เด็กหญิง ค.” ล่ะ? (พ่อเสียชีวิต เหลือแต่อาผู้ชาย) คุณจะใช้วิธีไหน? (ข้อนี้ซับซ้อนกว่ามาก เพราะลูกสาวไม่มี Y)
วิธีคิด
เคสนี้ซับซ้อนกว่า เนื่องจาก
-
ไม่มี Y ให้ตรวจ : เด็กหญิง (XX) ไม่มีโครโมโซม Y ดังนั้นเราเทียบกับอาผู้ชายด้วย Y-STR ไม่ได้
-
X-STR ใช้ไม่ได้ผล (มีความเสี่ยงสูงที่จะแปลผลผิด) :
-
พ่อ และ อา ได้รับ X มาจาก “ย่า” คนเดียวกันก็จริง
-
แต่ “ย่า” มี X สองตัว (สมมติเป็น X1 กับ X2)
-
ความน่าจะเป็น: พ่ออาจได้ X1 ส่วนอาอาจได้ X2 ก็เป็นได้
-
ผลลัพธ์: แม้จะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่ X-STR ของพ่อกับอา อาจจะไม่เหมือนกันเลย ทำให้เอามาเทียบกับหลานสาวไม่ได้
-
คำตอบ
ในกรณีนี้ เราต้องกลับมาใช้ Autosomal STR (การตรวจแบบมาตรฐาน) แต่ต้องใช้เทคนิคและการวางแผนที่รัดกุมกว่าปกติ ดังนี้ครับ:
ทางเลือกที่ 1: ตรวจแบบ “Avuncular Test” (ตรวจลุงป้าน้าอา-หลาน) โดยต้องมีแม่เด็กร่วมด้วย
นี่คือวิธีที่ เป็นไปได้มากที่สุด ในสถานการณ์นี้
-
ผู้ที่ต้องมาตรวจ: อา (ผู้ชาย) + เด็กหญิง ค. + แม่ของเด็ก
-
ทำไมต้องเอา “แม่” มาด้วย? (สำคัญมาก)
-
DNA ของเด็ก เกิดจาก พ่อ 50% + แม่ 50%
-
ถ้าเราตรวจแม่ เราจะรู้ทันทีว่า DNA ส่วนไหนมาจากแม่ แล้วเราจะ “ลบ” ส่วนของแม่ออกไป
-
DNA ที่เหลืออยู่คือ “DNA ส่วนที่ต้องมาจากพ่อ” (Paternal Obligate Alleles)
-
เราจะนำ DNA ส่วนที่เหลือนี้ ไปเทียบกับ “อา” เพื่อดูว่ามีความคล้ายคลึงกันในระดับพี่น้องหรือไม่ (โดยปกติ อา-หลาน จะมี DNA ตรงกันประมาณ 25%)
-
ข้อควรระวัง: ถ้าไม่มีแม่มาตรวจด้วย การเทียบ อา-หลานสาว เพียงลำพัง (Duo Avuncular) จะให้ค่าความเชื่อมั่นทางสถิติต่ำมาก จนอาจสรุปผลไม่ได้ (Inconclusive)
ทางเลือกที่ 2: ตามหา “ปู่ย่า” (Grandparentage) (ถ้ายังมีชีวิตอยู่)
ถ้าปู่หรือย่ายังอยู่ จะช่วยแก้โจทย์นี้ได้ง่ายขึ้น
-
ถ้า “ย่า” ยังอยู่: ให้ตรวจ ย่า + หลานสาว (อาจจะตรวจแม่เด็กร่วมด้วยก็จะแม่นยำขึ้น)
-
ทำไม: เพราะพ่อต้องได้รับ X มาจากย่าแน่นอน 100% และพ่อต้องส่ง X ตัวนั้นให้ลูกสาว (หลาน) 100% ดังนั้น X-STR ของหลานสาว จะต้องมีส่วนที่ตรงกับย่า (Grandmaternal X-allele)
-
-
ถ้า “ปู่” ยังอยู่: กรณีหลานสาว ปู่จะช่วยได้น้อยกว่าย่าในแง่ X-STR แต่ช่วยได้ในแง่ Autosomal STR
สรุปสูตรแก้โจทย์ “เด็กหญิง ค.”
-
วิธีที่ดีที่สุด: เชิญ “ย่า” มาตรวจ (ใช้ X-STR + Autosomal)
-
ถ้าไม่มีย่า (มีแค่อาตามโจทย์): ต้องเชิญ “แม่เด็ก” มาตรวจร่วมกับ “อา” และ “เด็ก” (ใช้ Autosomal STR คำนวณค่า Avuncular Index)
-
ถ้ามีแค่อากับเด็ก (ไม่มีแม่): ไม่แนะนำให้ตรวจ เพราะโอกาสสรุปผลไม่ได้สูงมาก ยกเว้นจะตรวจ markers จำนวนมากเป็นพิเศษ (เช่น 40+ loci) ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น
เห็นไหมคะว่า พอเป็นลูกสาวปุ๊บ ความยากจะเพิ่มขึ้นทันที เพราะเราขาดตัวช่วยอย่าง Y-chromosome ไป การมีความรู้เรื่องการเลือกคู่เทียบจึงสำคัญตรงนี้เพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียเงินฟรีแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ที่ยืนยันได้
ตรวจ DNA อา-หลานสาว
