Site icon HealthSmile.co.th ตรวจสุขภาพ

4 ชนิดของ DNA ที่นำมาใช้ตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ในครอบครัว

การตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางสายเลือด ด้วย DNA นั้น เป็นสิ่งที่แม่นยำที่สุดในการยืนยันความสัมพันธ์ แต่ว่าการตรวจก็ไม่ใช่แค่เอา DNA มาเทียบกัน แล้วบอกว่าเหมือนหรือไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่วิทยานั้นมีความละเอียดลึกขึ้นไปอีก โดยทั่วไป การตรวจ DNA เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดนั้น มีการตรวจอยู่ 4 ประเภท ได้แก่

การเข้าใจความแตกต่างของ DNA ทั้ง 4 ประเภทนี้ คือ “หัวใจสำคัญ” ของการเลือกคู่เทียบ เพราะถ้าคุณ (หรือศูนย์แลปที่คุณเลือกใช้บริการตรวจ DNA) เลือกการตรวจผิดประเภท ก็อาจจะไม่ได้คำตอบที่ต้องการเลย

สรุปความแตกต่างของการตรวจ DNA ทั้ง 4 แบบ

คำอธิบายเกี่ยวกับศัพท์ในการตรวจ DNA:

1. Autosomal STR (Autosomal Short Tandem Repeat)

Autosomal STR คือ DNA ที่อยู่ในนิวเคลียสของเซลล์ร่างกายทั่วไป (โครโมโซมมี 22 คู่ ไม่รวมโครโมโซมเพศ (Autosomal Chromosome)) ที่มีลำดับเบสสั้นๆ (เช่น 2-6 คู่เบส) ซ้ำกันหลายๆ ครั้ง (Short Tandem Repeat) ซึ่งความยาวของส่วนที่ซ้ำกันนี้จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทำให้เป็นเครื่องหมายทางพันธุกรรมที่เฉพาะตัวและใช้ในการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล (DNA Fingerprinting) ได้ดีมาก.

การถ่ายทอด : ลูกจะได้รับจาก พ่อ 50% และ แม่ 50% ผสมกัน

จุดเด่น : สามารถระบุตัวบุคคลได้แม่นยำที่สุด (Unique) เพราะแทบไม่มีใครมี Autosomal STR เหมือนกันเป๊ะ (ยกเว้นแฝดแท้)

ใช้เมื่อไหร่ :

2. Y-STR (สายเลือดผู้ชาย)

Y-STR คือ DNA ที่อยู่บนโครโมโซม Y ซึ่ง มีเฉพาะในผู้ชายเท่านั้น

การถ่ายทอด : ส่งต่อจาก พ่อ -> ลูกชาย -> หลานชาย แบบรุ่นสู่รุ่นโดย “ไม่เปลี่ยนแปลง” (หรือเปลี่ยนน้อยมาก)

จุดเด่น : ผู้ชายทุกคนในตระกูลฝั่งพ่อ (ปู่, พ่อ, อา, ลูกชาย, หลานชาย) จะมี Y-STR เหมือนกันหมด

ใช้เมื่อไหร่ :

3. X-STR (ตัวช่วยสายลูกสาว)

X-STR คือ DNA บนโครโมโซม X ซึ่งพบตัวโครโมโซมนี้ได้ทั้งในเพศหญิง และเพศชาย (ผู้หญิงมี XX, ผู้ชายมี XY)

การถ่ายทอด :

พ่อ -> ลูกสาว: พ่อจะส่ง X ให้ลูกสาวทุกคน “เหมือนกันเป๊ะ” 100% (เพราะพ่อมี X ตัวเดียว)
แม่ -> ลูก (ชาย/หญิง): แม่จะสุ่มส่ง X ให้ลูก

จุดเด่น : ใช้พิสูจน์ความสัมพันธ์พี่น้องหญิง หรือ ย่า-หลานสาว ได้ดีมาก

ใช้เมื่อไหร่ :

4. mtDNA (ส่งต่อสายเลือดผู้หญิง – ไมโตคอนเดรีย)

mtDNA คือ DNA ที่อยู่นอกนิวเคลียส (อยู่ในส่วนหนึ่งของเซลล์ที่เรียกว่า ไมโตคอนเดรีย) นี่คือจุดที่สำคัญที่สุด เพราะในขณะที่ DNA ปกติในนิวเคลียส (Autosomal DNA) เราจะได้จากพ่อ 50% และแม่ 50% แต่ mtDNA เราได้รับจาก “แม่” 100% ดังนั้น ลูกทุกคน (ทั้งชายและหญิง) จะมี mtDNA เหมือนแม่ทุกประการ

การถ่ายทอด : ส่งต่อจาก แม่ -> ลูกทุกคน (แต่เฉพาะลูกสาวที่จะส่งต่อให้รุ่นหลานได้ ลูกชายเป็นทางตันไม่ส่งต่อ mtDNA ต่อไปยังรุ่นหลาน)

จุดเด่น : มีปริมาณมาก ทนทาน (เจอในเส้นผมที่ไม่มีราก หรือกระดูกเก่าๆ ได้) และพี่น้องทุกคนที่เกิดจากแม่เดียวกันจะมี mtDNA เหมือนกัน

ใช้เมื่อไหร่ :

สรุปครบ 4 ประเภท DNA (Autosomal, Y-STR, X-STR, mtDNA) เลือกตรวจแบบไหนให้ได้ผลแม่นยำที่สุด? คู่มือเลือกวิธีตรวจพิสูจน์ความสัมพันธ์ที่เหมาะกับครอบครัวคุณ

 

ตารางสรุปการเลือกใช้ DNA แต่ละชนิดในการตรวจ

ประเภท DNA แหล่งที่มา การถ่ายทอด (Inheritance) ความแม่นยำระบุตัวตน เหมาะสำหรับเคส
Autosomal นิวเคลียส พ่อ 50% / แม่ 50% ⭐⭐⭐⭐⭐ (สูงสุด) พ่อ-ลูก, แม่-ลูก (มาตรฐาน)
Y-STR โครโมโซม Y พ่อ -> ลูกชาย (เท่านั้น) ⭐⭐ (ระบุได้แค่ตระกูล) พ่อตาย (ตรวจปู่/อา แทน), พี่น้องชายล้วน
X-STR โครโมโซม X พ่อ -> ลูกสาว (100%) ⭐⭐⭐ พี่น้องหญิงพ่อเดียวกัน, ย่า-หลานสาว
mtDNA ไมโทคอนเดรีย แม่ -> ลูกทุกคน ⭐⭐ (ระบุได้แค่สายแม่) พี่น้องแม่เดียวกัน, ตรวจจากเส้นผม/กระดูกเก่า

ตัวอย่างสถานการณ์จริงให้คุณฝึกคิด

โจทย์ข้อที่ 1

นาย ก. (ชาย) สงสัยว่า เด็กชาย ข. เป็นลูกของตนหรือไม่? แต่ นาย ก. เสียชีวิตไปแล้ว เหลือแต่ “น้องชายแท้ๆ ของนาย ก.” (อา) คุณควรเลือกตรวจอะไร?

คำตอบ: เลือก Y-STR ครับ
เหตุผล: เพราะ นาย ก. และ น้องชาย (อา) ได้รับ Y มาจากปู่คนเดียวกัน ดังนั้น Y-STR ของอา ต้องเหมือนกับของ นาย ก. และถ้าเด็กชาย ข. เป็นลูกจริง ก็ต้องมี Y-STR ชุดเดียวกันนี้ด้วยครับ

โจทย์ข้อที่ 2

ถ้าเด็กในข้อที่ 1 เป็น “เด็กหญิง ค.” ล่ะ? (พ่อเสียชีวิต เหลือแต่อาผู้ชาย) คุณจะใช้วิธีไหน? (ข้อนี้ซับซ้อนกว่ามาก เพราะลูกสาวไม่มี Y)

วิธีคิด

เคสนี้ซับซ้อนกว่า เนื่องจาก

  1. ไม่มี Y ให้ตรวจ : เด็กหญิง (XX) ไม่มีโครโมโซม Y ดังนั้นเราเทียบกับอาผู้ชายด้วย Y-STR ไม่ได้

  2. X-STR ใช้ไม่ได้ผล (มีความเสี่ยงสูงที่จะแปลผลผิด) :

    • พ่อ และ อา ได้รับ X มาจาก “ย่า” คนเดียวกันก็จริง

    • แต่ “ย่า” มี X สองตัว (สมมติเป็น X1 กับ X2)

    • ความน่าจะเป็น: พ่ออาจได้ X1 ส่วนอาอาจได้ X2 ก็เป็นได้

    • ผลลัพธ์: แม้จะเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่ X-STR ของพ่อกับอา อาจจะไม่เหมือนกันเลย ทำให้เอามาเทียบกับหลานสาวไม่ได้

คำตอบ

ในกรณีนี้ เราต้องกลับมาใช้ Autosomal STR (การตรวจแบบมาตรฐาน) แต่ต้องใช้เทคนิคและการวางแผนที่รัดกุมกว่าปกติ ดังนี้ครับ:

ทางเลือกที่ 1: ตรวจแบบ “Avuncular Test” (ตรวจลุงป้าน้าอา-หลาน) โดยต้องมีแม่เด็กร่วมด้วย

นี่คือวิธีที่ เป็นไปได้มากที่สุด ในสถานการณ์นี้

ข้อควรระวัง: ถ้าไม่มีแม่มาตรวจด้วย การเทียบ อา-หลานสาว เพียงลำพัง (Duo Avuncular) จะให้ค่าความเชื่อมั่นทางสถิติต่ำมาก จนอาจสรุปผลไม่ได้ (Inconclusive)

ทางเลือกที่ 2: ตามหา “ปู่ย่า” (Grandparentage) (ถ้ายังมีชีวิตอยู่)

ถ้าปู่หรือย่ายังอยู่ จะช่วยแก้โจทย์นี้ได้ง่ายขึ้น

สรุปสูตรแก้โจทย์ “เด็กหญิง ค.”

  1. วิธีที่ดีที่สุด: เชิญ “ย่า” มาตรวจ (ใช้ X-STR + Autosomal)

  2. ถ้าไม่มีย่า (มีแค่อาตามโจทย์): ต้องเชิญ “แม่เด็ก” มาตรวจร่วมกับ “อา” และ “เด็ก” (ใช้ Autosomal STR คำนวณค่า Avuncular Index)

  3. ถ้ามีแค่อากับเด็ก (ไม่มีแม่): ไม่แนะนำให้ตรวจ เพราะโอกาสสรุปผลไม่ได้สูงมาก ยกเว้นจะตรวจ markers จำนวนมากเป็นพิเศษ (เช่น 40+ loci) ซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้น

เห็นไหมคะว่า พอเป็นลูกสาวปุ๊บ ความยากจะเพิ่มขึ้นทันที เพราะเราขาดตัวช่วยอย่าง Y-chromosome ไป การมีความรู้เรื่องการเลือกคู่เทียบจึงสำคัญตรงนี้เพื่อไม่ให้ลูกค้าเสียเงินฟรีแล้วไม่ได้ผลลัพธ์ที่ยืนยันได้

ตรวจ DNA อา-หลานสาว

Exit mobile version