CEA คือการตรวจอะไร
CEA คือโปรตีนที่ถูกสร้างจากทารกในครรภ์ ขณะที่กำลังพัฒนาตัวเอง จนกระทั่งคลอดออกมา และจะค่อยๆลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งพบได้น้อยมากๆ เมื่อร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่ ดังนั้นในวัยผู้ใหญ่หากมีการตรวจพบค่า CEA นั่นหมายถึการเกิดก้อนมะเร็งขึ้นภายในร่างกาย แพทย์จึงมักใช้ค่า CEA นี้ในการตรวจวินิจฉัยและติดตามการรักษาโรคมะเร็ง
เนื่องจากค่า CEA จะตรวจพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งเท่านั้นโดยเฉพาะ มะเร็งลำไส้ ค่า CEA จึงกลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ใช้ในการตรวจติดตามโรคมะเร็ง แต่เมื่อมีการศึกษาเพิ่มมากขึ้นพบว่านอกจากมะเร็งแล้ว ยังมีภาวะอื่นๆที่ทำให้ตรวจพบค่า CEA ในเลือดได้อีกเช่น การอักเสบต่างๆ โรคตับแข็ง โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ โรคถุงลมโป่งพอง รวมถึงคนที่สูบบุหรี่เป็นต้น ทำให้การตรวจค่า CEA จะไม่ใช้ในการคัดกรองผู้ป่วยโรคมะเร็งแล้ว แต่ยังมีบทบาทในการตรวจติดตามการรักษาในผู้ป่วยที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งแล้วจากสาเหตุอื่นๆ โดยตรวจเป็นระยะหลังจากได้รับการรักษาไปแล้วเพื่อดูว่ามีการตอบสนองต่อการรักษาหรือไม่
ต้องใช้สิ่งส่งตรวจอะไรบ้าง
โดยทั่วไปจะทำการเจาะเลือดปกติ
แต่บางครั้งอาจมีการใช้สิ่งส่งตรวจอื่นๆเช่น น้ำในช่องท้อง น้ำในเยื่อหุ้มปอด
หรือน้ำไขสันหลังเป็นต้น
ค่า CEA มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
– ใช้ในการตรวจติดตามการตอบสนองต่อการรักษาโรคมะเร็งลำไส้
มะเร็งไส้ตรง มะเร็งต่อมไทรอยด์ มะเร็งปอด
มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งกรเพาะอาหาร และมะเร็งรังไข่
โดยแพทย์จะตรวจค่า CEA ก่อนการรักษาเพื่อเอาไว้เทียบกับค่า CEA
ระหว่างและหลังได้รับการรักษา
เพื่อดูการตอบสนองและการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง
– ใช้ในการแบ่งระดับความรุนแรงของโรคมะเร็ง ขนาดก้อนมะเร็งและการแพร่กระจายของมะเร็ง
– การตรวจค่า CEA ที่ไม่ได้ตรวจจากในเลือด
จะช่วยบอกได้ว่ามีการกระจายของเซลล์มะเร็งไปที่อวัยวะนั้นๆหรือไม่
เช่น ตรวจน้ำที่เยื่อหุ้มปอด หรือในช่องท้องเพื่อดูการแพร่กระจายไปยังปอด
หรือกระเพาะอาหาร
แต่ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลใจเมื่อเห็นว่าแพทย์สั่งตรวจค่า
CEA เพราะจากที่กล่าวมาข้างต้นว่าค่า CEA
ไม่เหมาะสำหรับ
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง เนื่องจากเกิดขึ้นได้จากหลายสภาวะทั้งจากมะเร็ง และไม่ใช่มะเร็ง
เมื่อไหร่แพทย์จะสั่งตรวจค่า CEA
ค่า CEA จะถูกสั่งตรวจเมื่อผู้ป่วยถูกวินิจฉัยว่าเป้นโรคมะเร็งที่สามารถสร้างค่า CEA ได้ จากวิธีตรวจอื่นๆ โดยจะทำการตรวจก่อนการรักษาเพื่อเป็นมาตรฐานไว้เทียบ จากนนั้นจะทำการตรวจระหว่างและหลังการรักษาเป็นระยะๆ
แต่บางครั้งค่า CEA ก็ถูกสั่งตรวจก่อนที่จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง
ซึ่งงเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมมากนัก แต่จะช่วยให้ข้อมูล
แก่แพทย์และช่วยให้แพทย์วางแนวทางการรักษาได้ง่ายมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีการตรวจค่า CEA จากน้ำที่เบื่อหุ้มปอด น้ำที่เยื่อบุช่องท้อง รวมถึงน้ำไขสันหลัง เพื่อดูการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
มีการแปลผลค่า CEA อย่างไร
สำหรับการติดตามการรักษา และการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง
เมื่อค่า CEA ลดลงจากค่าพื้นนฐานของผู้ป่วยนั่นหมายถึงประสบความสำเร็จในการรักษาโรคมะเร็ง
แต่หากค่า CEA
มีการลดลงแล้วอยู่ๆเกิดพบขึ้นมาสูงอีกนั่นหมายถึงการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง
สำหรับการแบ่งระดับความรุนแรง
หากก้อนมะเร็งมีขนาดเล็กจะพบค่า CEA เพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากมะเร็งมีก้อนใหญ่ขึ้น และมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆจะพบว่าค่า CEA จะเพิ่มตามไปด้วย
สำหรับการตรวจเพื่อดูการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง
หากพบค่า CEA ที่บริเวณอื่นนอกจากเลือดเช่น พบว่าค่า CEA สูงขึ้นในน้ำไขสันหลังนั่นหมายความว่ามีการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังระบบประสาทส่วนกลาง (สมองและไขสันหลัง)
แต่ต้องไม่ลืมว่าไม่ใช่มะเร็งทุกชนิดจะสามารถผลิตค่า CEA ได้ ดังนั้นหากตรวจไม่พบค่า CEA ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นมะเร็ง ค่า CEA จึงไม่ใช้ตรวจเพื่อการคัดกรองโรคมะเร็ง
มีเรื่องอื่นๆที่ควรทราบอีกหรือไม่
– การตรวจค่า CEA มีหลายวิธีที่ใช้ ดังนั้นการตรวจในห้องแลปที่แตกต่างกัน และวิธีที่แตกต่างกัน จะทำให้ค่า CEA ออกมาไม่เท่ากัน คำแนะนำคือ คววรตรวจที่ห้องแลปเดิมตลอดการรักษา เพื่อความแม่นยำในการแผลผลการรักษา ซึ่งหากผู้ป่วยไม่สะดวกในส่วนใดของการรักษา ให้ปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เพื่อหาวิธีการแก้ไขร่วมกัน
– การสูบบุหรี่จะทำให้ค่า CEA สูงขึ้นได้ ดังนั้นผู้ที่สูบบุหรี่มักมีค่า CEA สูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
– การเพิ่มขึ้นของค่า CEA สามารถเกิดจากสาเหตุที่ไม่ใช่โรคมะเร็งได้เช่น การอักเสบต่างๆ โรคตับแข็ง โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคลำไส้อักเสบ และโรคถุงลมโป่งพองเป็นต้น